เจ้าหน้าที่ขององค์การพิทักษ์สิทธิมนุษยชน Human Rights Watch กล่าวว่า มีสัญญาณบ่งบอกให้เห็นว่า มีความก้าวหน้าในเรื่องสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย แต่รัฐบาลยังควรที่จะดำเนินคดีกับผู้ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งรวมทั้งผู้ที่อยู่ในกองกำลังรักษาความมั่นคงของประเทศด้วย
นาย Brad Adams ผู้อำนวยการของ Human Rights Watch ในเอเชีย กล่าวกับ Voice of America ว่า รัฐบาลไทยควรเริ่มแก้ปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชน ในประเทศด้วการดำเนินคดีต่อผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชน และปฏิรูประบบตุลาการและการตำรวจ และว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะเป็นสัญญาณแสดงอย่างชัดเจน ถึงความก้าวหน้าในเรื่องสิทธิมนุษยชน
ก่อนหน้านี้ การประเมินขององค์การพิทักษ์สิทธิมนุษยชนแห่งนี้ ระบุว่าแนวโน้มทางด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทยกำลังเสื่อมสภาพลง การประเมินที่ว่านี้ รวมความห่วงกังวลในเรื่องการผลักชาว Rohingya ที่อพยพโดยทางเรือมาจากพม่าให้กลับออกสู่ทะเลด้วย
หลังการได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นาย Brad Adams เจ้าหน้าที่ขององค์การ Human Rights Watch แสดงความยินดีที่รัฐบาลไทยได้แสดงความเต็มใจที่จะโต้อภิปรายในเรื่องนี้
ผู้อำนวยการของ Human Rights Watch ในเอเชีย กล่าวว่า ประเด็นสำคัญที่ทางองค์การพยายามผลักดัน มิใช่เรื่องการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมเท่านั้น รัฐบาลมักชอบพูดเรื่องการเข้าถึง ซึ่งเป็นการผลักภาระให้ผู้รับเคราะห์ หากแต่เป็นเรื่องรัฐบาลนำความยุติธรรมมาสู่ประชาชนมากกว่า ซึ่งหมายความถึงการย้ำยืนยันเรื่องความรับผิดชอบ และการดำเนินคดีต่อทหารและตำรวจที่กระทำความผิด
เจ้าหน้าที่ของ Human Rights Watch ผู้นี้ กล่าวว่า นับตั้งแต่รัฐบาลชุดนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์เข้ารับตำแหน่งในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ได้มีสัญญาณบ่งบอกให้ความก้าวหน้า ในนโยบายเรื่องนี้บ้างแล้ว
นาย Brad Adams ขององค์การ Human Rights Watch Asia ให้ความเห็นว่า สภาพแวดล้อมดีขึ้น มีความเป็นไปได้ว่า อาจจะมีการปฏิรูปบางอย่าง และอาจจะมีความพยายามเล็กน้อย ที่จะแก้ปัญหาเรื่องการไม่ลงโทษผู้กระทำผิด
องค์การพิทักษ์สิทธิมนุษยชนนี้ให้ความเห็นไว้ด้วยว่า ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ที่มีมานานห้าปีและทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 3,500 คน เป็นเรื่องของความล้มเหลว ที่จะแก้ปัญหาความขุ่นเคืองและความท้อแท้สิ้นหวังในท้องถิ่น ที่เกิดจากการข่มเหงรังแกโดยกำลังรักษาความมั่นคง และความอยุติธรรม
แต่ในการกล่าวปราศัยที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศเมื่อไม่นานมานี้ นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์กล่าวว่า มีสัญญาณที่ให้กำลังใจในเรื่องสิทธิมนุษยชนในภาคใต้
นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวต่อผู้สื่อข่าวชาวต่างประเทศว่า ผู้นำทางศาสนาคนหนึ่งถูกสังหารในขณะที่ถูกควบคุมตัว และต่อมา ศาลจังหวัดนราธิวาสได้พิพากษาลงโทษเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และผู้บัญชาการกองทัพบกก็ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่ทหารไม่ควรละเมิดกฎหมาย และถ้ากระทำเช่นนั้น ก็จะถูกตั้งข้อหาและดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม
องค์การ Human Rights Watch ให้ความเห็นว่า รัฐบาลชุดนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์พึ่งพาอาศัยการสนับสนุนของทางการทหารเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นการจำกัดการปฏิรูป นอกจากนี้ ยังได้กล่าวแสดงความห่วงกังวลในเรื่องสื่อ และการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น โดยการใช้กฎหมายควบคุมระบบอินเทอร์เน็ต และกฎหมายอื่นๆ มาเป็นเครื่องมือด้วย