ลิ้งค์เชื่อมต่อ

นักวิจัยชี้ วัยรุ่นที่เสพยา หรือดื่มเครื่องดื่มมึนเมา จะมีผลกระทบในระยะยาว


ที่ผ่านมาผู้ปกครองจำนวนมาก ยังสับสนเกี่ยวกับคำเตือนเรื่องที่ว่า เด็กวัยรุ่นไม่ควรดื่มของมึนเมา และทดลองเสพยาเสพติดอยู่ ผู้เชี่ยวชาญบางคน บอกว่าความอยากลองของวัยรุ่นนั้น เป็นไปตามธรรมชาติ และผู้ปกครองไม่ควรคุมเข้ม จนเกินไป ในขณะที่หลายคนบอกว่าเด็ก และเยาวชนไม่ควรเปิดรับหรือข้องแวะกับของ มึนเมาและยาเสพติดไม่ว่าประเภทใดเป็นอันขาด อย่างไรก็ตาม รายงานการวิจัยล่าสุด บ่งชี้ว่าการดื่มเครื่องดื่มมึนเมาหรือเสพยาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นนั้นจะมีผลกระทบในระยะยาว

ศาสตราจารย์ Candice Odgers แห่งมหาวิทยาลัยรัฐ California วิทยาเขต Iryine ทำการศึกษาโดยการทดลองให้หนูทดลอง ที่ยังไม่เติบโตเต็มที่กินเครื่องดื่มผสม แอลกอฮอลล์เป็นประจำ พบว่าน้องหนูเหล่านั้นจะอ่อนไหวต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ มากขึ้น และยังมีอาการอยากยา หรือติดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์มากกว่าและเร็วกว่าปกติด้วย

ศาสตราจารย์ Odgers บอกว่าจากการทดลองนี้ อาจพอสรุปได้ว่าช่วงวัยรุ่นคือช่วง หัวเลี้ยวหัวต่อ ที่อาจทำให้ใครก็ตามกลายเป็นคนติดยา หรือติดเหล้าได้ง่ายๆ นักวิจัยผู้นี้ ไม่ได้ทดลองกับสัตว์เท่านั้น แต่ยังเก็บข้อมูลต่อเนื่อง ยาวนานจากกลุ่มตัวอย่างเด็ก จำนวนมากที่เกิดในประเทศนิวซีแลนด์ ตั้งแต่ช่วงคริสต์ทศวรรษ 1970 จนถึงปัจจุบัน ที่เด็กเหล่านั้นเติบโตเป็นคนหนุ่มสาวอายุราว 30 กว่าปี โดยข้อมูลส่วนหนึ่งที่รวบรวมไว้ด้วย คือปริมาณเครื่องดื่มมึนเมาและยาเสพติด ที่กลุ่มตัวอย่างเหล่านั้นเสพเมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่น และอายุตอนที่เริ่มเสพ

ศาสตราจารย์ Odgers บอกว่าเด็กที่เริ่มเสพยาตั้งแต่อายุไม่ถึง 15 ปี ในอนาคต มีโอกาสติดยาเสพติด หรือเป็นโรคติดต่อทางเพศ เรียนไม่จบหรือก่ออาชญากรรมอย่างใด อย่างหนึ่งมากกว่าคนทั่วไป 2-3 เท่า และสำหรับเด็กผู้หญิงที่ลองเสพยาตั้งแต่อายุไม่ถึง 15 ปี ก็มีโอกาสท้องก่อนวัยอันควรราว 2-3 เท่าเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม คำถามที่นักวิจัยผู้นี้และเพื่อนร่วมงานยังคงตีโจทย์ไม่แตกคือทำไม เด็กที่มีพื้นเพ หรือมาจากครอบครัวที่เชื่อกันว่าดี คือครอบครัวมั่นคง พ่อแม่เอาใจใส่ กับเด็กที่เกิดในครอบครัว ที่เชื่อกันว่าไม่ดี พ่อแม่ปล่อยปละละเลยหรือทอดทิ้ง กลับมีโอกาสติดยาเสพติดพอๆ กัน

ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยรัฐ California บอกว่าข้อมูลดังกล่าวบอกให้ทราบถึง แนวทางป้องกัน ว่าหากเรามัวแต่มุ่งไปที่เด็กกลุ่มที่คิดว่ามีความเสี่ยงสูง เราจะพลาดเด็กอีก ครึ่งหนึ่งที่มีโอกาสเกิดปัญหาไม่น้อยกว่ากัน นั่นคือเด็กกลุ่มที่เรามองว่าไม่น่าจะมีความเสี่ยง หรือพฤติกรรมที่จะนำไปสู่ยาเสพติด

ศาสตราจารย์ Odgers แนะนำว่าผู้ปกครองจะต้องคอยระแวดระวังและตรวจสอบ พฤติกรรมของลูกๆ ที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นให้ดี เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดกับตัวเด็กในระยะยาว หากเขาเข้าไปข้องแวะกับยาเสพติดและของมึนเมา

สำหรับรายงานวิจัยชิ้นนี้ตีพิมพ์อยู่ในวารสาร Psychological Science

XS
SM
MD
LG