เวลานี้แรงงานชาวอเมริกันวัยหนุ่มสาวกำลังหลั่งไหลเข้าสู่ตลาดแรงงาน จนส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในด้านกำลังงานในสหรัฐ คนหนุ่มสาวเหล่านั้นมาพร้อมกับทักษะความรู้ ความเชี่ยวชาญใหม่ๆ รวมทั้งความคาดหวังในการทำงานที่อาจทำให้เกิดความขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงานที่อาวุโสกว่า และมีประสบการณ์มากกว่า
อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการแนะนำว่า ทั้งคนรุ่นใหม่และคนรุ่นก่อนจะสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าเจ้าของกิจการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงาน
สภาพแวดล้อมในที่ทำงานในปัจจุบันนี้แตกต่างจากเมื่อ 50 ปีที่แล้วมากทีเดียว และในขณะที่คนอเมริกันมากมายเลือกที่จะยังคงทำงานต่อไปแม้ว่าจะถึงวัยเกษียณแล้วนั้น ทำให้ที่ทำงานหลายแห่งมีพนักงานถึง 4 รุ่นร่วมทำงานอยู่ด้วยกัน ตั้งแต่คนหนุ่มสาวที่เพิ่งจบการศึกษาไปจนถึงผู้อาวุ โสวัยเกือบ 70 ปี ซึ่งคนแต่ละวัยก็มีทัศนคติในการทำงานแตกต่างกันไป
คุณ Steve Herstein เจ้าของบริษัทแห่งหนึ่งบอกว่าพนักงานอาวุโสมักจะให้ความสำคัญกับงานของตนมากกว่าคนหนุ่มสาว ที่ส่วนใหญ่จะทำงานไปเรื่อยๆเหมือนรอเวลาเปลี่ยนงานหากมีโอกาสใหม่ๆเข้ามา เช่นเดียวกับความเห็นของคุณ John Challenger จากบริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการที่บอกว่า คนรุ่นหลังๆที่เรียกกันว่า Generation X ซึ่งเวลานี้อายุประมาณ 40 และ Generation Y ที่อายุระหว่าง 20 กว่าถึง 30 ปลายๆนั้น มักจะไม่ยึดติดกับงานที่ทำอยู่ ชอบอิสระและพึ่งตนเอง คนกลุ่มนี้มักไม่เชื่อในการทำงานที่ใดที่หนึ่งเพียงที่เดียวไปตลอดชีวิตการทำงาน คนรุ่นใหม่เหล่านี้ส่วนใหญ่ต้องการทำงานที่ท้าทาย มีการแข่งขันและมีช่องทางเติบโตก้าวหน้า รวมทั้งต้องการความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อนร่วมงานด้วย ซึ่งหากไม่เป็นไปตามความคาดหวัง หนุ่มสาวเหล่านี้ก็พร้อมที่จะเปลี่ยนงานใหม่ทันที นอกจากนี้ คุณ John Challenger ยังบอกอีกว่า คนรุ่นใหม่ Generation X และ Y มักจะไม่ชอบทำงานตามตารางเวลาอย่างมีกำหนดตายตัว แบบเข้างาน 9 โมงเช้า เลิกงาน 5 โมงเย็น จันทร์ถึงศุกร์ทำนองนั้น คนกลุ่มนี้ต้องการตารางเวลาทำงานที่ยืดหยุ่นและสภาพแวดล้อมที่มีสิ่งโน้มน้าวใจให้อยากทำงาน
คุณ John Challenger บอกว่า เพื่อนร่วมงานที่ดี คือสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีในที่ทำงาน ดังนั้น องค์กรใดก็ตามที่พยายามสนับสนุนเรื่องการสร้างความสัมพันธ์อันดีในที่ทำงานและให้อิสระแก่พนักงานตามสมควร สามารถทำงานติดต่อจากระยะไกลไม่เฉพาะต้องเข้ามาทำในที่ทำงาน จะเป็นองค์กรที่ดึงดูดความสนใจของคนรุ่นใหม่ได้มากกว่า
คุณ Barry Diamond รองประธานบริษัทจัดหางาน Pinstripe ในเมืองมิลวอกี้ รัฐวิสคอนซิน เห็นด้วยกับความคิดดังกล่าวและนำมาปรับใช้กับบริษัท โดยที่ Pinstripe จะใช้วิธีประเมินผลความสำเร็จในการทำ งานล้วนๆ ในการตัดสินใจเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งพนักงาน โดยที่ไม่ถืออายุการทำงานที่ผ่านมาเป็นเรื่องสำคัญ ขณะเดียวกันก็ยังสนับสนุนให้คนรุ่นหนึ่งเรียนรู้การทำงานจากคนอีกรุ่นหนึ่งด้วย
คุณ Barry Diamond บอกว่าคนหนุ่มสาวมีความรู้เรื่องเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างเช่น คอมพิวเตอร์และอิน เตอร์เนตเป็นอย่างดีและสามารถให้คำปรึกษาในเรื่องนี้แก่คนรุ่นก่อนๆได้ ในขณะที่ผู้อาวุโสกว่าซึ่งสั่งสมประสบการณ์การทำงานมานานจะสามารถช่วยเหลือถ่ยทอดประสบการณ์ให้แก่ผู้ที่มาใหม่ได้เช่นกัน ผู้บริ หารผู้นี้บอกว่าทุกวันนี้ แต่ละองค์กรและเจ้าของกิจการต่างๆควรทำคุณสมบัติเด่นพิเศษของพนักงานแต่ละรุ่นแต่ละวัยมาใช้ในการทำงาน พร้อมทั้งหาวิธีให้พนักงานเหล่านั้นได้มีโอกาสสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน และร่วมทำงานกับเพื่อนร่วมงานต่างวัยได้ และนั่นจะเป็นหนทางที่ทำให้แต่ละบริษัทได้รับประโยชน์สูงสุดจากพนักงานทุกรุ่นทุกวัยทุกคนได้เป็นอย่างดี