ทรัมป์ เมินเสียงค้านผู้ว่าฯ ลงพื้นที่เมืองเคโนชา จุดประท้วงเดือดต่อต้านความอยุติธรรมทางสีผิว

Trump

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางเยือนเมืองเคโนชา รัฐวิสคอนซิน ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุการณ์ยิงชายชาวแอฟริกันอเมริกันจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และนำไปสู่การขบวนและเหตุประท้วงรุนแรงมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน แม้จะมีเสียงทัดทานจากผู้ว่าการรัฐที่เกี่ยวข้อง

เมื่อเดินทางถึงเมืองเคโนชา ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศจัดสรรงบประมาณรัฐบาลกลางสหรัฐฯ 42 ล้านดอลลาร์ ให้กับหน่วยงานบังคับใช้กฏหมายและยกระดับความปลอดภัยในวิสคอนซิน

นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ยังได้พูดคุยกับตัวแทนภาคธุรกิจท้องถิ่นในเมืองเคโนชา พร้อมกล่าวว่าคณะทำงานของประธานาธิบดีทรัมป์ ยินดีที่จะให้เงินช่วยเหลือเกือบ 4 ล้านดอลลาร์ แก่ภาคธุรกิจท้องถิ่นในเมืองเคโนชาที่ได้รับผลกระทบความเสียหายจากเหตุประท้วงเมื่อสัปดาห์ก่อน และให้งบช่วยเหลืออีก 1 ล้านดอลลาร์แก่หน่วยงานรักษากฏหมายในเมืองเคโนชา

Your browser doesn’t support HTML5

'ทรัมป์' เมินเสียงค้าน ลงพื้นที่เมืองเคโนชา ท่ามกลางการประท้วงสีผิว

ในระหว่างการเดินทางเยือนในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ปธน.ทรัมป์ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ตนไม่มีแผนจะเข้าพบครอบครัวของ เจคอบ เบลค ชายผิวดำวัย 29 ปี ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจรัวยิงจนบาดเจ็บสาหัส และทำให้ประชาชนโกรธแค้น จนเกิดการประท้วงรุนแรง โดยผู้นำสหรัฐฯ ให้เหตุผลว่า ครอบครัวของ เบลค ต้องการให้มีทนายเข้าร่วมประชุมด้วย

ขณะเดียวกัน ปธน.ทรัมป์ ไม่ขอวิจารณ์กรณีที่ ไคล์ ริทเทนเฮาส์ วัยรุ่นผิวขาวชาวอเมริกันที่อ้างว่าออกมาปกป้องธุรกิจในพื้นที่ในเมืองเคโนชาจากผลกระทบของการประท้วง และถูกดำเนินคดีข้อหาในความผิดทางอาญา 5 ข้อหา ซึ่งรวมถึง การฆาตกรรมโดยมีการวางเเผนมาก่อนและโดยเจตนา ด้วยข้อกล่าวหาว่ายิงผู้อื่นจนเสียชีวิต 2 รายและบาดเจ็บอีก 1 ราย

ผู้นำสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า ริทเทนเฮาส์ ถูกรุมทำร้ายอย่างรุนแรง และอาจจะถูกฆ่าตายได้ ถ้าไม่ยิงใส่ผู้ชุมนุมประท้วงเสียก่อน

โทนี่ เอเวอร์ส ผู้ว่าการรัฐวิสคอนซิน เรียกร้องให้ปธน.ทรัมป์ ยกเลิกการเยือนเมืองเคโนชา ด้วยเหตุผลว่า การปรากฏตัวของผู้นำสหรัฐฯ จะขัดขวางกระบวนการเยียวยาต่างๆ และตนกังวลว่า การมาเยือนของปธน.ทรัมป์ จะทำให้ความพยายามแก้ปัญหาความแตกแยกและนำพาทุกฝ่ายให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยกันล่าช้ากว่าที่ต้องการ

ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ เอเวอร์ส สั่งการให้กองกำลังสำรองของรัฐเข้ามาดูแลสถานการณ์ในเมืองนี้ และยอมรับความช่วยเหลือจากกองกำลังทหารของรัฐบาลกลางให้ช่วยปราบปรามเหตุรุนแรงต่างๆ ในเมืองหลังเหตุยิงเบลคจนเป็นอัมพาตบางส่วน

ก่อนการเยือนเมืองเคโนชาครั้งนี้มีขึ้นหลัง ปธน.ทรัมป์และอดีตรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน กล่าวหากันและกันว่า สหรัฐฯ จะไม่ปลอดภัยถ้าอีกฝ่ายเป็นผู้นำประเทศ

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ ประกาศว่า กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิและกระทรวงยุติธรรมกำลังร่วมกันสอบสวนกรณีการก่อความไม่สงบของกลุ่มหัวซ้าย ในเมืองที่พรรคเดโมแครตบริหารอยู่ และบอกกับผู้สื่อข่าวในระหว่างการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวว่า รัฐบาลจะไม่ยอมแพ้ต่อกฎของกลุ่มม็อบ เพราะนั่นจะหมายถึงการสิ้นสุดของระบอบประชาธิปไตย

ก่อนหน้านั้น อดีตรองปธน.ไบเดน เรียกร้องให้ทางการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุจลาจลและผู้ปล้นทรัพย์จากธุรกิจร้านค้าต่างๆ พร้อมกล่าวหาปธน.ทรัมป์ ว่าเป็น “ผู้สนับสนุนเหตุวุ่นวายและความรุนแรง” ในช่วงฤดูการหาเสียงเลือกตั้ง เพราะเป็นประโยชน์ทางการเมือง