'ทรัมป์ - ไบเดน' ลุยหาเสียงรัฐสำคัญสัปดาห์สุดท้ายก่อนเลือกตั้ง 3 พ.ย.

People watch from their vehicles as President Donald Trump, on left of video screen, and Democratic presidential candidate former Vice President Joe Biden speak during a Presidential Debate Watch Party at Fort Mason Center in San Francisco, Thursday…

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และอดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน สองผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้าย 9 วันก่อนการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 3 พฤศจิกายน

ในวันอาทิตย์ ปธน.ทรัมป์ เดินทางไปหาเสียงที่รัฐนิวแฮมป์เชอร์ และรัฐเมน ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ ซึ่งแม้จะมีจำนวนคณะผู้แทนเลือกตั้งไม่มากนัก แต่อาจเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขันที่คาดว่าจะสูสีอย่างมากนี้ได้

เมื่อสี่ปีที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ พ่ายแพ้ที่รัฐนิวแฮมป์เชอร์ให้แก่นางฮิลลารี คลินตัน แต่ชนะที่รัฐเมน และกำลังมีคะแนนนิยมตามหลังนายไบเดนอยู่ราว 11 จุดที่รัฐนิวแฮมป์เชอร์ แต่คะแนนค่อนข้างสูสีกันที่รัฐเมน

ขณะเดียวกัน นายไบเดนจัดการปราศรัยหาเสียงออนไลน์ในคืนวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ตัวแทนพรรคเดโมแครตผู้นี้นำมาใช้ในช่วงหลัง ๆ คือการหาเสียงในกลุ่มเล็ก และปราศรัยออนไลน์ในวันอาทิตย์ แตกต่างจากปธน.ทรัมป์ ที่มักกล่าวปราศรัยกลางแจ้งต่อผู้สนับสนุนจำนวนมากกว่า โดยส่วนใหญ่มักจัดขึ้นที่สนามบินโดยมีเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือ Air Force One เป็นฉากหลัง

ทางด้านรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ มีกำหนดหาเสียงที่เมืองคิงสตัน รัฐนอร์ธแคโรไลนา ในคืนวันอาทิตย์ ซึ่งรัฐนี้ถือเป็นหนึ่งในรัฐที่ทั้งสองพรรคต้องแย่งชิงคะแนนเสียงกันอย่างสูสีคู่คี่ หรือ battleground state โดยเมื่อสี่ปีก่อน ทรัมป์ชนะที่รัฐนอร์ธแคโรไลนา แต่ขณะนี้กำลังมีคะแนนตามหลังนายไบเดน

ส่วนทาง ส.ว.คามาลา แฮร์ริส ผู้ลงสมัครคู่กับนายไบเดน เดินทางไปหาเสียงที่รัฐมิชิแกน หนึ่งใน battleground state เช่นกัน โดยรัฐนี้ถือเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเดโมแครต แต่คลินตันกลับพ่ายแพ้ให้ทรัมป์ในการเลือกตั้งสี่ปีที่แล้ว เช่นเดียวกับรัฐเพนซิลเวเนียและรัฐวิสคอนซิน

นักวิเคราะห์เชื่อว่า สามรัฐนี้คือรัฐที่อาจชี้ขาดผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งนี้ได้ โดยปธน.ทรัมป์ ตามหลังนายไบเดน 8 จุดที่รัฐมิชิแกน รวมทั้งที่รัฐวิสคอนซินและเพนซิลเวเนียด้วย

จนถึงขณะนี้ มีชาวอเมริกันลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าแล้วมากกว่า 58 ล้านคน โดย 2 ใน 3 เป็นการลงคะแนนทางไปรษณีย์ เพื่อหลีกเลี่ยงการพบปะกับคนจำนวนมากในวันเลือกตั้งจริงและการต่อแถวยาวนานหลายชั่วโมง สืบเนื่องมาตรการที่รัฐต่าง ๆ นำมาใช้ในการควบคุมการระบาดของโคโรนาไวรัส

ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า ขณะนี้มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไม่ถึง 5% ที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะลงคะแนนให้ผู้สมัครคนไหน โดยผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตส่วนใหญ่นิยมลงคะแนนล่วงหน้าหรือลงคะแนนทางไปรษณีย์ ขณะที่ผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันจำนวนมากยังนิยมไปลงคะแนนด้วยตัวเองในวันเลือกตั้งจริง คือ 3 พฤศจิกายน