รัฐบาลรัสเซียสั่งปิดสำนักงาน ‘อเล็กเซ นาวาลนี’ โดยอ้างว่าเป็นที่ทำการกลุ่มหัวรุนแรง

navalny

ทางการรัสเซีย สั่งปิดสำนักงานต่างๆ ของ อเล็กเซ นาวาลนี ที่ถูกคุมขังอยู่ หลังศาลพิจารณาคำร้องของอัยการ ที่อ้างว่า มูลนิธิต่อต้านคอร์รัปชั่น ของผู้นำฝ่ายต่อต้านรัฐบาลนี้ เป็นกลุ่มเคลื่อนไหวหัวรุนแรง

รายงานข่าวระบุว่า การที่รัฐบาลรัสเซียประกาศให้มูลนิธิดังกล่าวของ นาวาลนี เข้าข่ายเป็นกลุ่ม “หัวรุนแรง” คือการเปิดโอกาสให้ทางการมีอิสระในการจับกุมและอายัดทรัพย์สินของผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้นำฝ่ายค้านรัสเซียรายนี้ซึ่งมีจุดยืนต่อต้านประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ชัดเจนโดดเดนที่สุด

หลังมีรายงานคำอนุมัติจากศาลออกมา สมาชิกของมูลนิธิดังกล่าวออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ในวันจันทร์ ว่า ชีวิตของพวกตนจะตกอยู่ในอันตรายหากยังเดินหน้าทำงานต่อไป แต่ขอยืนยันที่จะต่อต้าน ปธน.ปูติน ในฐานะคนๆ หนึ่งต่อไป

เลโอนิด วอลคอฟ หนึ่งในเพื่อนร่วมงานของ นาวาลนี บอกกับผู้สื่อข่าวสำนักข่าว รอยเตอร์ส ว่า สมาชิกและผู้ที่ทำงานกับผู้นำฝ่ายค้านทุกคนเข้าใจดีว่า งานที่ทุกคนร่วมกันทำอยู่นั้นไม่ได้มีเรื่องของลัทธิหัวรุนแรงแต่อย่างใด และข้อกล่าวหาที่ว่านี้ เป็นเพียงข้ออ้างเพื่อทำการปราบปรามผู้เห็นต่างทางการเมืองล้วนๆ

ทั้งนี้ อัยการรัสเซียอ้างวา มูลนิธิดังกล่าวของ นาวาลนี เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ

หลังเดินทางกลับมาจากเยอรมนี เพื่อทำการรักษาอาการที่อ้างว่าถูกวางยาพิษเป็นเวลา 5 เดือน เมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา ผู้นำฝ่ายค้านของรัสเซียวัย 44 ปี ถูกจำกุมและนำไปคุมขังที่เรือนจำที่นอกกรุงมอสโกทันที โดยหลายฝ่ายเชื่อว่า นาวาลนี น่าจะถูกทรมานด้วย

นาวาลนี กล่าวหาว่า ปธน.ปูติน เป็นผู้สั่งให้หน่วยงานความมั่นคงของประเทศวายาพิษตน แต่รัฐบาลกรุงเครมลินปฏิเสธข้อกล่าวหานี้มาโดยตลอด ขณะที่ ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตรหลายแห่งในยุโรปยืนยันว่า อาการป่วยของผู้นำฝ่ายค้านรัสเซียนั้นเป็นผลมาจากยาโนวิช็อค ซึ่งเป็นสารพิษที่มีผลต่อระบบประสาท ซึ่งพัฒนาขึ้นมาโดยอดีตสหภาพโซเวียต