เมื่อวันจันทร์ ว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศว่าเขาจะเสนอให้วิลเลียม เบิร์นส์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ และอดีตทูตหลายสมัย ให้เป็นผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือ CIA
เบิร์นส์ วัย 64 ปี รับราชการที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ มาแล้วถึง 33 ปี ทำงานให้กับประธานาธิบดีทั้งจากพรรคเดโมแครตและพรรคริพับลิกัน เคยเป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำรัสเซียสมัยอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศสมัยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา
ในคลิปวิดีโอที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ ไบเดนกล่าวชมเบิร์นส์ว่าเป็น “นักการทูตตัวอย่าง” โดยเขาและเบิร์นส์เชื่อเหมือนกันว่า ข่าวกรองไม่ควรมีวาระทางการเมือง
ไบเดนยังระบุด้วยว่า “ถึงเวลาแล้วที่จะทำให้หน่วยข่าวกรองเป็นอิสระ และทำให้ความเชื่อมั่นและความมั่นใจของเจ้าหน้าที่รัฐกลับคืนมา รวมถึงเจ้าหน้าที่ของซีไอเอ”
I’m asking Ambassador Bill Burns to lead the Central Intelligence Agency because he’s dealt with many of the thorniest global challenges we face. As a legendary career diplomat, he approached complex issues with honesty, integrity and skill. That’s exactly how he’ll lead the CIA. pic.twitter.com/ypnuH016BV
— Joe Biden (@JoeBiden) January 11, 2021
ทั้งนี้ หากเบิร์นส์ได้รับการยืนยันให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว เขาจะเข้าดำรงตำแหน่งแทนจีนา แฮสเพล ผู้อำนวยการ CIA คนปัจจุบัน โดยเธอทำงานให้กับ CIA มากว่าสามทศวรรษ ก่อนจะเป็นผ.อ. หญิงของ CIA คนแรกเมื่อปีค.ศ. 2018
แฮสเพลมักไม่ปรากฎตัวออกสื่อนักในช่วงที่เธอดำรงตำแหน่งอยู่ โดยสาเหตุมาจากความขัดแย้งระหว่างทำเนียบขาวและหน่วยงานข่าวกรองของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น แม้เธอจะเคยขัดแย้งกับประธานาธิบดี ทรัมป์ ออกสื่อมาแล้วก็ตาม
เมื่อช่วงต้นเดือน แฮสเพลปรับปรุงหน้าเว็บไซต์ใหม่ของ CIA เพื่อพยายามจ้างงานกลุ่มบุคคลที่มีพื้นฐานหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยหน้าเว็บไซต์ใหม่ถูกออกแบบเพื่อ “กระตุ้นความสนใจของชาวอเมริกันที่มีความสามารถ ให้พวกเขาสัมผัสได้ว่า บรรยากาศการทำงานที่เต็มไปด้วยพลังรอพวกเขาอยู่ที่นี่”
ทางด้านเบิร์นส์ ระบุในวิดีโอที่เผยแพร่โดยทีมงานเปลี่ยนผ่านของไบเดนเมื่อวันจันทร์ว่า เขาจะทำหน้าที่ใน CIA อย่างดีที่สุดเพื่อบูรณภาพขององค์กรโดยไม่เลือกข้าง และจะเสริมสร้างความเชื่อมั่นและความร่วมมือด้านข่าวกรองกับพันธมิตรและหุ้นส่วน
เบิร์นส์ยังกล่าวด้วยว่า CIA จะต้องรับมือกับภัยคุกคามจากคู่แข่งมหาอำนาจอย่างรัสเซีย จีน ภัยก่อการร้าย ไซเบอร์สเปซ และ “ความท้าทายที่มีอำนาจขึ้น” อย่างการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และความมั่นคงด้านสาธารณสุข
ทั้งนี้ การเสนอชื่อเบิร์นส์เป็นผ.อ. CIA ได้รับเสียงตอบรับในทางบวกจากอดีตเจ้าหน้าที่ด้านข่าวกรองและความมั่นคง เช่น นอร์แมน รูล อดีตผู้จัดการข่าวกรองด้านอิหร่านแห่งชาติ ประจำสำนักงานผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ ที่ทวีตข้อความว่า เบิร์นส์เป็น “ตัวเลือกที่แข็งแกร่ง” และได้รับการนับถือว่ามีคุณธรรม ความซื่อสัตย์ และมีความยึดมั่นต่อผู้ร่วมงาน
Bill Burns is deeply respected for his integrity, honesty, & commitment to the workforce. He will arrive w great respect for the IC & its work. His significant experience abroad & thoughtful approach to challenges make him a strong choice. https://t.co/91TmqLdepv
— Norman Roule (@Norman_Roule) January 11, 2021
มาร์ค โพลีเมโรโพอูลอส อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองอาวุโสของ CIA ทวีตข้อความว่า เขาคิดว่าเบิร์นส์จะเป็นที่ยอมรับอย่างมาก โดยในช่วงที่เขาปฏิบัติงานทางการทูตในต่างประเทศ เขาก็ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ภาคสนามของ CIA เป็นอย่างดี
My sense is that this in fact will be a very popular choice within IC circles- a titan in the foreign policy world, well respected overseas-he has in fact worked very well with CIA field personnel (the most grumpy crew😉) in his overseas postings. https://t.co/UkEl1H9QIK
— Marc Polymeropoulos (@Mpolymer) January 11, 2021
ในส่วนประวัติของเบิร์นส์นั้น นับตั้งแต่เขาเกษียณอายุราชการไปเมื่อปีค.ศ. 2014 เขาก็เป็นประธานของสถาบัน Carnegie Endowment of International Peace ได้รับรางวัล Presidential Distinguished Service Awards สามครั้ง และได้รับเกียรติด้านพลเมืองสูงสุดจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และจากหน่วยงานข่าวกรองของสหรัฐฯ
เบิร์นส์จบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยลาซาล นครฟิลาเดลเฟีย และจบการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอกด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด