มาร์กอส จูเนียร์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ

PHILIPPINES-POLITICS/

เฟอร์ดินานด์ “บองบอง” มาร์กอส จูเนียร์ บุตรชายของอดีตผู้นำเผด็จการ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีคนที่ 17 ของฟิลิปปินส์อย่างสมบูรณ์ในวันพฤหัสบดี หลังเสร็จสิ้นพิธีปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ

ภายหลังจากคว้าชัยชนะจากการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นที่กว่า 31 ล้านเสียงในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาและทำการปฏิญาณตนเรียบร้อยแล้ว ปธน.มาร์กอส จูเนียร์ สามารถประกาศความสำเร็จในการทำตามสัญญาของตระกูลมาร์กอส ว่า จะกลับคืนสู่อำนาจอีกครั้ง หลังอดีตผู้นำเผด็จการผู้เป็นบิดาต้องถูกขับออกจากตำแหน่งเพราะการลุกฮือของประชาชนเมื่อ 36 ปีก่อน

SEE ALSO: 'มาร์กอส จูเนียร์' ประกาศชัยชนะเลือกตั้งปธน.ฟิลิปปินส์ - สหรัฐฯ ร่วมแถลงยินดี

ผู้นำคนใหม่ของฟิลิปปินส์ที่ปัจจุบันมีอายุ 64 ปี ทำการหาเสียงด้วยการชูประเด็นการสร้างความสามัคคี และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายลืมอดีตอันโหดร้ายในสมัยที่บิดาของตนปกครองในระบอบเผด็จการไปเสีย พร้อมนำเสนอความหวังว่าจะนำพาประเทศเข้าสู่ “ยุคทอง” อีกครั้งด้วย

ผู้ที่ติดตามสถานการณ์ทางการเมืองในฟิลิปปินส์ให้ความเห็นว่า ชัยชนะของ ปธน.มาร์กอส จูเนียร์ นั้น เกิดขึ้นได้เพราะความพยายามอย่างยิ่งยวดของตระกูลมาร์กอสในเขียนประวัติศาสตร์ของประเทศเสียใหม่ และกระบวนการเผยแพร่ข้อมูลเท็จอย่างหนักหน่วงผ่านแพลตฟอร์สื่อสังคมออนไลน์ทั้งหลาย

รายงานข่าวระบุว่า อดีตประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตรเต้ ไม่ได้เข้าร่วมพิธีปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งของผู้นำคนใหม่ ซึ่งจัดขึ้นที่บริเวณบันไดด้านหน้าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นที่เดียวกับประธานาธิบดีทุกคนในอดีตจัดพิธีดังกล่าว แต่ดูเตรเต้ และ บองบอง ได้พบกันที่ทำเนียบประธานาธิบดีก่อนพิธีจะเริ่มขึ้นในช่วงเที่ยงตามเวลาท้องถิ่นแล้ว

PHILIPPINES-POLITICS/

และในระหว่างพิธีดังกล่าว ปธน.มาร์กอส จูเนียร์ ได้สัญญากับประชาชนชาวฟิลิปปินส์ ว่า จะทำตามทุกคำมั่นที่ให้ไว้ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง พร้อมกล่าวสรรเสริญบิดาของตนด้วยว่า “ข้าพเจ้ารู้จักชายคนหนึ่ง ที่เล็งเห็นว่า (ประเทศ) ไม่ได้ก้าวหน้าไปมากเลยหลังการประกาศอิสรภาพของผืนดินที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มีศักยภาพสูงที่จะประสบความสำเร็จได้ แต่ก็ยังตกอยู่ในภาวะยากจน แต่เขาผู้นั้นก็ทำสำเร็จ โดยบางครั้งก็ได้รับเสียงสนับสนุน และบางครั้งก็ปราศจาก(แรงหนุน)” และว่า “ดังนั้น ก็ต้องเป็นหน้าที่ของบุตรชายของเขา (และ)ท่านจะไม่ได้ยินข้อแก้ตัวใด ๆ จากข้าพเจ้าอีกเลย”

ผู้สื่อข่าว วีโอเอ ได้พูดคุยกับ จินา โกดอย วัย 56 ปี ที่เป็นผู้สนับสนุนตระกูลมาร์กอส ซึ่งบอกว่า ตนหวังว่า เหตุกรณีทุจริตคอร์รัปชั่นจะถูกกำจัดไป หรือลดลง และหวังด้วยว่า ปธน.คนใหม่จะทำตามสัญญาทุกข้อ ซึ่งเธอเชื่อว่า บองบอง จะทำอย่างแน่นอน “เพราะบิดาของเขาเคยทำไว้แล้ว”

แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีคอร์รัปชั่นของตระกูลมาร์กอสในอดีต โกดอย บอกว่า “ฉันไม่เชื่อเรื่องนั้น”

President Ferdinand Marcos Jr. stands with his mother Imelda Marcos, left, and his wife Maria Louise Marcos, right, during the inauguration ceremony

ขณะเดียวกัน ชาวฟิลิปปินส์บางรายยังกังวลว่า ตระกูลมาร์กอส จะใช้อำนาจในทางที่ผิดและปลดล็อคคำสั่งอายัดเงินสดและสินทรัพย์ของครอบครัวที่ซุกซ่อนไว้ตามบัญชีในต่างประเทศออกมา โดยบางคนกลัวว่า ยุคสมัยของปธน.มาร์กอส จูเนียร์ จะนำมาซึ่งความโหดร้ายทารุณยิ่งกว่าในสมัยของผู้เป็นบิดาเสียอีก

โบนิฟาโช ลากาน ผู้รอดชีวิตจากการบังคับใช้กฎอัยการศึก รวมกลุ่มนักเคลื่อนไหวคนอื่น ๆ ที่รอดจากการถูกทรมานและการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนในสมัยของอดีตปธน.มาร์กอส ออกประกาศคำมั่นที่จะ “ต่อต้านทรราชย์ การเผยแพร่ความเท็จ และการเหยียบย่ำสิทธิ์และความเป็นอยู่ของประชาชน” รวมทั้ง ประกาศที่จะต่อต้านการล้างประวัติศาสตร์ของประเทศ พร้อมเรียกร้องปธน.มาร์กอส จูเนียร์ ให้ออกมารับผิดและขอโทษต่อเหตุการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนในช่วงที่บิดาของตนปกครองประเทศด้วย

  • ที่มา: วีโอเอ