ประมวลเหตุการณ์ความคืบหน้าของการสำรวจอวกาศในปี 2014

Kepler

การค้นพบดาวเคราะห์เหมือนโลกในกาแลคซี่ทางช้างเผือกของ Kepler และแนวคิดที่ว่านาซ่าควรสำรวจดาววีนัสเพราะใกล้โลกกว่าดาวอังคาร

Your browser doesn’t support HTML5

Combined Science Stories

"การค้นพบดาวเคราะห์เหมือนโลกในกาแลคซี่ทางช้างเผือกของ Kepler​"

หลังจากความล้มเหลวที่เกือบทำให้โครงการล้มเลิก ยานสำรวจดวงดาว Kepler ของนาซ่ากลับทำงานอย่างแข็งขันอีกครั้งและมาถึงตอนนี้ ก็ได้ค้นพบดาวเคราะห์ขนาดใหญ่กว่าโลกแล้วหนึ่งดวง

ยานสำรวจดวงดาว Kepler สร้างความตื่นเต้นแก่วงการสำรวจอวกาศเป็นอย่างมากตอนที่ถูกส่งออกไปนอกโลกในปีคริสตศักราช 2009 หรือห้าปีที่แล้วเพื่อเดินทางสำรวจกาแล็คซี่ทางช้างเผือกที่โลกเราเป็นส่วนหนึ่ง

ตั้งแต่นั้นมา Kepler ได้ค้นพบดาวเคราะห์เหมือนโลกแล้วหนึ่งดวงซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าโลกมนุษย์ถึง 2 เท่าครึ่งและอยู่ห่างจากโลกไป 180 ล้านปีแสง ตั้งอยู่ในกลุ่มดาวปลาคู่ ดาวเคราะห์ดวงนี้ได้ชื่อว่า Kepler-186f โคจรรอบดาวฤกษ์ประจำตัวในโซนที่เรียกว่าเป็นเขตที่อาศัยอยู่ได้ ซึ่งหมายความว่าอาจจะมีน้ำบนพื้นผิวของดาวเคราะห์

บรรดานักวิทยาศาสตร์ชี้ว่ามาถึงขณะนี้ งานสำรวจกาแลคซี่ของ Kepler ชี้ให้เห็นว่าดาวเคราะห์ที่พบมากที่สุดในกาแลคซี่ทางช้างเผือกที่โลกเราเป็นส่วนหนึ่งเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่กว่าโลกแต่เล็กกว่าดาวเน็ปจูน

"นาซ่าควรสำรวจดาววีนัสเพราะใกล้โลกกว่าดาวอังคาร"​

แม้ว่าดาววีนัสจะอยู่ใกล้กับโลกเรามากกว่าดาวอังคาร แต่ดาววีนัสกลับไม่เป็นที่จุดหมายปลายทางของนักอวกาศนั่นเป็นเพราะอยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์มาก ทำให้มีอุณหภูมิสูงมาก

อย่างไรก็ตาม ทีมนักวิทยาศาสตร์แห่งนาซ่าชี้ว่าการเดินทางเยือนดาววีนัสน่าจะทำได้ง่ายกว่าการเดินทางไปสำรวจดาวอังคาร นักอวกาศไม่จำเป็นต้องลงจอดบนดาววีนัสเพียงแต่บินสำรวจอยู่เหนือดาววีนัสเท่านั้น

ดาววีนัสมีอุณหภูมิสูงถึง 500 องศาเซลเซียส ร้อนพอที่จะละลายตะกั่วได้ นอกจากนี้ความดันในชั้นบรรยากาศสูงมาก สูงกว่าบนโลกถึง 100 เท่าตัว แต่นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่าสภาวะต่างๆ บนดาววีนัสในระยะ 50 กิโลเมตรเหนือพื้น มีลักษณะใกล้เคียงกับโลกมาก อาทิ อุณหภูมิอยู่ที่ราว 75 องศาเซลเซียส มีแรงโน้มถ่วงต่ำกว่าบนโลกในขณะที่ความดันอากาศพอๆ กัน

ตามความคิดนี้ นักอวกาศจะต้องเดินทางในยานสำรวจพลังงานแสงอาทิตย์แบบ ตระกร้าโดยสาร ความยาวน้อยกว่า 130 เมตรที่เดินทางรอบดาววีนัสผ่านชั้นบรรยากาศ หรืออาจะเป็นยานแบบลอยตัวที่บรรจุแก๊สฮีเลี่ยม เพื่อทำการสำรวจและทดลองทางวิทยาศาสตร์ ทีมงานมองว่าวันหนึ่งในอนาคต จะมีเมืองที่มนุษย์อาศัยอยู่ได้อย่างถาวร ลอยได้อยู่เหนือดาววีนัส

ทีมนักวิทยาศาสตร์นาซ่าชี้ถึงผลดีของการสำรวจดาววีนัสหลายประการด้วยกัน พวกเขากล่าวว่าแบตเตอรี่ของยานอวกาศจะรีชาร์จอย่างรวดเร็วเพราะดาววีนัสมีพลังงานแสงอาทิตย์มากกว่าบนดาวอังคารถึง 240 เปอร์เซ็นต์ ดาววีนัสปกป้องการแผ่รังสีต่างๆ ได้ดีมากกว่า การเดินทางไปดาววีนัสใช้เวลา 440 วันซึ่งระยะเวลาการพำนักเหนือดาว วีนัสทั้ง 30 วันเข้าไปด้วย ในขณะที่การเดินทางไปยังดาวอังคารจะใช้เวลาระหว่าง 650 วันถึง 900 วัน

ส่วนเหตุผลของการเดินทางสำรวจดาววีนัสทีมนักวิทยาศาสตร์นาซ่ากล่าวว่าเป็นเหตุผลเดียวกันกับการสำรวจดาวอังคาร นั่นก็คือเพื่อสำรวจและเรียนรู้เกี่ยวกับโลกต่างดาวเช่นเดียวกับเพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการสำรวจนอกอวกาศที่ไกลโพ้น

"สุดยอดปัญญาประดิษฐ์หรือ Superintelligent Robots"

นักวิทยาศาสตร์อเมริกันที่มีชื่อเสียงกลุ่มหนึ่งออกมาบอกว่าชีวิตที่จะอยู่อย่างยั่งยืนในจักรวาลไม่น่าจะเป็นมนุษย์โลกแต่น่าจะเป็นซุปเปอร์คอมพิวเตอร์หรือซุปเปอร์ปัญญาเทียมมากกว่า

ในขณะที่ยานสำรวจอวกาศต่างๆ ได้ค้นพบดาวเคราะห์หลายดวงในกาแลคซี่ทางช้างเผือกที่อาจใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้ นักวิทยาศาสตร์อเมริกันกลุ่มนี้ชี้ว่าเห็นได้ชัดว่าในอนาคต เราจะสำรวจพบสิ่งมีชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งที่มีความฉลาดแต่ไม่น่าจะใช่มนุษย์แต่เป็นปัญญาเทียม

พวกเขาบอกว่าหากมองดูการพัฒนาด้านปัญญาเทียมบนโลกมนุษย์อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ทำให้เชื่อว่าในอนาคตที่ไม่ไกลเกินไป คนเราจะพัฒนาถึงจุดที่จะหลอมรวมสิ่งชีวิตกับปัญญาเทียมเข้าด้วยกัน

พวกเขายกตัวอย่างหน่วยงานการวิจัยและพัฒนาภายในกระทรวงกลาโหมสหรัฐที่เรียกว่า DARPA ที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่คอมพิวเตอร์เลือนแบบการทำงานของสมอง โครงการ ElectRX กำลังพัฒนาอุปกรณ์ชนิดฝังขนาดจิ๋วที่ช่วยเลือนการส่งสัญญาณทางระบบประสาทและใช้บำบัดโรคได้หลายชนิด

นักวิทยาศาสตร์อเมริกันกลุ่มนี้ซึ่งรวมทั้งนาย Seth Shostack ผู้อำนวยการฝ่ายสำรวจหาสิ่งมีชีวิตนอกโลกแห่งนาซ่ากล่าวว่าหากนั่นเป็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับโลกเรา ก็เป็นไปได้ว่าปัญญาเทียมที่ว่านี้ได้เกิดขึ้นแล้วในโลกต่างดาวที่อยู่ไกลโพ้น