'สนามหญ้าหน้าบ้าน' กับนิยามที่เปลี่ยนไปพร้อมความใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม

A front yard in Westchester County, N.Y., pictured on May 4, 2022, has been converted from lawn to pollinator-friendly, native plants.

เมื่อย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิ ครอบครัวอเมริกันจำนวนมากจะเริ่มตัดหญ้าและตกแต่งสนามหญ้าหน้าบ้านหรือหลังบ้านอย่างสวยงาม จนบางครั้งอาจดูเหมือนเป็นการแข่งขันกันของเพื่อนบ้านในละแวกเดียวกัน แต่ขณะนี้ดูเหมือนหลายครอบครัวเริ่มเปลี่ยนไปเน้นการทำสวนแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (และสัตว์เลี้ยง) มากขึ้น

ลีแอนน์ เฟอร์รารา คือผู้หนึ่งที่กำลังปรับเปลี่ยนสนามหญ้าเล็ก ๆ ของของเธอให้กลายเป็นสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้ แปลงผักและผลไม้ โดยเธอใช้วิธีปรับสนามหญ้าทีละส่วนแบบค่อยเป็นค่อยไป จนกระทั่งขณะนี้พื้นที่ 3 ใน 4 ของสนามหญ้าหน้าบ้านของเธอได้กลายสภาพไปเป็นแปลงพืชผักและต้นไม้ต่าง ๆ

เฟอร์รารา กล่าวว่า การดูแลดอกไม้และต้นไม้พันธุ์ท้องถิ่นต้องการน้ำและการบำรุงรักษาน้อยกว่าสนามหญ้า และเธอยังพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงด้วย

ความลุ่มหลงในวัฒนธรรมสนามหญ้า

เป็นเวลานานมาแล้วที่ชาวอเมริกันให้ความสำคัญกับการตกแต่งและบำรุงสนามหญ้าหน้าบ้านให้ดูดี สะอาด ไร้วัชพืช ดูคล้ายพรมสีเขียวผืนใหญ่อยู่เสมอ ซึ่งปัจจุบันครอบครัวอเมริกันส่วนใหญ่ก็ยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ในขณะที่มีกลุ่มนักสิ่งแวดล้อมและเจ้าของบ้านผู้นิยมการทำสวนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่มีความกังวลต่อผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการดูแลสนามหญ้าหน้าบ้านให้ดูดีตลอดเวลา และมีหลายคนที่มองว่าเป็นการกระทำที่ "ผิดยุค" หรือเป็น "การคุกคาม" เสียด้วยซ้ำ

เดนนิส หลิว รองประธานฝ่ายการศึกษาของ E.O. Wilson Biodiversity Foundation ในเมืองเดอแรม รัฐนอร์ธแคโรไลนา ให้ความเห็นว่า "คนอเมริกันมีความลุ่มหลงในวัฒนธรรมสนามหญ้าแบบใช้พืชชนิดเดียวซึ่งแตกต่างจากประเทศอื่น" และว่า "พื้นที่สีเขียวเล็ก ๆ ที่สะอาดสะอ้านนี้ถือเป็นมรดกตกทอดทางวัฒนธรรมจากยุคล่าอาณานิคมก็ว่าได้"

แต่ปัจจุบัน ความแห้งแล้ง การขาดแคลนน้ำ ประชากรแมลงที่เพิ่มขึ้น และปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ กำลังได้รับความใส่ใจมากขึ้นในที่ต่าง ๆ นำไปสู่ความจำเป็นที่ต้องมีการปลูกพืชหรือต้นไม้ในสนามหรือสวนภายในบริเวณบ้านมากขึ้น

เดนนิส หลิว ชี้ว่า ชาวอเมริกันจำนวนมากขึ้นต่างพยายามมองหาและลงมือทำสวนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย ตัดหญ้าน้อยลงและยอมให้มีวัชพืชขึ้นแซมมากขึ้น ไปจนถึงขั้นเปลี่ยนสนามหญ้าให้กลายเป็นแปลงดอกไม้หรือแปลงผักแทน ซึ่งแม้จะดูรกกว่าเดิม แต่ก็อาจดูผ่อนคลายมากขึ้นสำหรับหลาย ๆ คน

นอกจากนี้ การระบาดของโควิด-19 ก็เป็นตัวเร่งให้ผู้คนเลิกใส่ใจกับการดูแลสนามหญ้าหน้าบ้านมากขึ้น แต่เปลี่ยนไปทำสวนเป็นงานอดิเรกแทน

ขณะเดียวกัน เขตปกครองต่าง ๆ ก็พยายามแจกจ่ายป้าย "สวนสุขภาพดี" ให้กับเจ้าของบ้านที่งดเว้นการใช้สารเคมี หรือยอมให้หญ้ายาวขึ้นมาได้บ้างเพื่อลดทรัพยากรที่ต้องใช้ในการตัดหญ้าให้สั้นเตียนอยู่ตลอดเวลา และบางเมืองอาจมีคำสั่งห้ามใช้เครื่องดูแลสนามหญ้า เช่น เครื่องตัดหญ้าและเครื่องเป่าใบไม้ ที่มีเสียงดังหรือไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เสียงจากกลุ่มสนับสนุนสนามหญ้าสีเขียว

หลายชุมชนยังคงมีคณะกรรมการหมู่บ้านที่กำหนดให้เจ้าของบ้านต่าง ๆ ต้องทำให้สนามหน้าบ้านให้ดูดีอยู่เสมอ เช่นเดียวกับบริษัททำสวนต่าง ๆ ที่ยังคงเน้นการบำรุงรักษาพื้นที่สีเขียวนั้นให้สะอาดปลอดวัชพืช

แอนดรูว์ เบรย์ แห่งสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพการดูแลสวนแห่งชาติ (National Association of Landscape Professionals) กล่าวว่า สนามหญ้ายังคงเป็นทางเลือกแรกของครอบครัวอเมริกันส่วนใหญ่ที่ต้องการพื้นที่สำหรับผ่อนคลาย เล่นและสันทนาการ และว่า เขาสนับสนุนการทำสวนแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่เชื่อว่าความพยายามหลายอย่าง เช่นการต่อต้านอุปกรณ์ตัดหญ้าที่มีเสียงดังนั้น ได้ทำให้เกิดการใช้ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อเหตุผลทางการเมืองมากกว่า

ขณะที่มีอีกหลายเสียงที่ชี้ว่า การทำสวนดอกไม้แทนสนามหญ้าทำให้มีผึ้งมาบินวนเวียนในบริเวณบ้านของพวกเขามากขึ้น และ "ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบผึ้งและแมลงต่าง ๆ"

นอกจากนี้ ยังมีเจ้าของบ้านอีกจำนวนมากที่เชื่อว่า การที่ปล่อยให้สนามหน้าบ้านรกรุงรังด้วยต้นไม้ ดอกไม้ แปลงผักและหญ้าที่ขึ้นยาว แทนที่จะเป็นสนามหญ้าที่ตัดสั้นจนดูเหมือนพรมสีเขียว อาจทำให้ราคาบ้านในละแวกนั้นลดลงได้เช่นกัน

  • ที่มา: เอพี