ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ธนาคารโลกแนะรัฐบาลไทยขึ้นอัตราภาษีคนรวยเพื่อช่วยค่าใช้จ่ายการรับมือโควิด


FILE - Thai baht notes are seen at a Kasikornbank in Bangkok, Thailand, May 12, 2016.
FILE - Thai baht notes are seen at a Kasikornbank in Bangkok, Thailand, May 12, 2016.
Business News
please wait

No media source currently available

0:00 0:06:31 0:00


ธนาคารโลกแนะนำให้รัฐบาลไทยพิจารณาปรับขึ้นอัตราภาษีเงินได้สำหรับผู้ที่มีฐานะร่ำรวย เพื่อนำไปช่วยชำระหนี้มูลค่าราว 45,000 ล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท ซึ่งเกิดขึ้นจากการดำเนินมาตรการรับมือและป้องกันการระบาดของโควิด-19 อันรวมถึงค่าใช้จ่ายด้านวัคซีนด้วย

รายงานข่าวที่อ้างข้อมูลของ Hurun Rich List ที่รวบรวมรายชื่อผู้มีฐานะร่ำรวยทั่วโลก ระบุว่า ประเทศไทยมีมหาเศรษฐีระดับพันล้านดอลลาร์อยู่ถึง 52 คน ซึ่งเป็นตัวเลขสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสูงกว่าอิตาลี ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ด้วย ขณะที่หลายรายเดินหน้าขยายความมั่งคั่งของตนเพิ่มอีกหลายเท่าในช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 อาทิ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ผู้ก่อตั้งเครือเจริญโภคภัณฑ์ และผู้ที่ได้ชื่อว่าร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 18,100 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลการจัดอันดับประจำปี 2021 ของนิตยสารฟอร์บส

Dhanin Chearavanont, chairman of Thailand's largest agribusiness group, Charoen Pokphand Food in Bangkok March 15, 2013.
Dhanin Chearavanont, chairman of Thailand's largest agribusiness group, Charoen Pokphand Food in Bangkok March 15, 2013.

ในทางกลับกัน ชาวไทยนับล้านคนตกอยู่ในภาวะว่างงานในเวลานี้ ขณะที่ภาระหนี้สินครัวเรือนพุ่งถึงระดับ 90 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีประเทศไปแล้ว

ขณะเดียวกัน อัตราภาษีที่รัฐบาลเรียกเก็บจากประชาชนนั้นยังอยู่ในระดับที่ถือว่าต่ำ แม้แต่ภาษีนิติบุคคลที่จัดเก็บอยู่ที่ 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคแล้ว มีเพียงสิงคโปร์และบรูไนเท่านั้นที่มีอัตราภาษีนิติบุคคลที่ต่ำกว่า

นอกจากนั้น รัฐบาลไทยยังไม่มีการเรียกเก็บภาษีจากกำไรที่ได้จากการขายสินทรัพย์ (Capital Gain) ด้วย

ภายใต้สภาวะหนี้พุ่งสูงและการแพร่กระจายของเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์เดลตา ขณะที่การแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ยังเป็นไปอย่างล่าช้านี้ ธนาคารโลกเตือนว่า รัฐบาลไทยอาจจำเป็นต้องพิจารณากู้ยืมเงินจากธนาคารมาอัดฉีดเข้าระบบเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีกในไม่ช้านี้แล้ว

คิม เอ็ดเวิร์ดส นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของธนาคารโลก แนะนำว่า รัฐบาลไทยน่าจะลองจัดเก็บรายได้เพิ่มจาก ”บุคคลที่มีความมั่งคั่งสุทธิสูง” และทำการปฏิรูป “มาตรการลดหย่อนแบบหน้าใหญ่ใจโต” บางรายการดูบ้าง เพราะว่า การจัดเก็บรายได้ภาษีบุคคลธรรมดานั้นไม่น่าจะเพียงพอเพื่อมาช่วยพยุงฐานะทางการเงินของรัฐ ดังนั้น การเรียกเก็บภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งการปรับขึ้นอัตราภาษีช่วงบน และการเพิ่มอัตราภาษีสำหรับกำไรจากการขายสินทรัพย์ น่าจะสามารถช่วยบรรเทาปัญหาการขาดดุลงบประมาณได้

ทั้งนี้ ในรายงาน Thailand Economic Monitor – the Road to Recovery นั้น ธนาคารโลกประเมินว่า เศรษฐกิจไทยน่าจะขยายตัวในอัตรา 2.2 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ หากสามารถเข้าควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้ หลังจากมีผู้เสียชีวิตเพิ่มถึง 2,938 คน และผู้ติดเชื้อใหม่ถึงกว่า 343,000 คนนับตั้งแต่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ขณะที่เชื้อไวรัสสายพันธุ์อัลฟาและเดลตากำลังแพร่กระจายไปทั่วประเทศอยู่

XS
SM
MD
LG