ในรายงานภาพรวมเศรษฐกิจไทย ธนาคารโลกระบุไว้ว่าราคาน้ำมันโลกซึ่งขณะนี้อยู่ที่ระดับเกือบ 110 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล ประกอบกับภาวะเงินเฟ้อ คือปัญหาคุกคามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน
เวลานี้เศรษฐกิจสหรัฐและหลายประเทศในยุโรปยังคงฟื้นตัวอย่างล่าช้าและเปราะบางภายหลังวิกฤตการณ์การเงินเมื่อ 3 ปีก่อน แต่คุณ Frederico Gil Sander นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลกประจำประเทศไทยชี้ว่า ราคาน้ำมันที่กำลังเพิ่มขึ้น จะส่งผลร้ายต่อการฟื้นตัวดังกล่าว และจะยิ่งกระตุ้นให้เกิดภาวะเงินเฟ้อซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้วางนโยบายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศกังวลมากที่สุด
คุณ Sander เตือนว่าอย่าเพิ่งคาดหวังว่าราคาน้ำมันโลกจะลดลงอย่างรวดเร็วแม้ว่าสถานการณ์การเมืองในตะวันออกกลางจะคลี่คลาย เพราะในความเป็นจริงนั้นเชื่อว่าราคาน้ำมันโลกจะคงอยู่ในระดับสูงต่อไป นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลกผู้นี้ยังบอกด้วยว่า ราคาน้ำมันแพงนั้นส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความต้องการพลังงานในประเทศอุตสาหกรรมใหม่เช่นจีนและอินเดียนอกจากนี้ราคาน้ำมันโลกยังขึ้นอยู่กับราคาผลผลิตทางการเกษตรที่แพงขึ้นเช่นกัน แม้ว่าราคาผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้เศรษฐกิจและรายได้ของเกษตรกรในประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยดีขึ้นตามไปด้วยก็ตาม
ในขณะเดียวกัน เหตุการณ์ภัยพิบัติในญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคมซึ่งสร้างความเสียหายต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิม่า ก็ยังผลให้ความต้องการพลังงานในญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้น ฉุดราคาน้ำมันโลกให้เพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง และคาดว่าแรงสั่นสะเทือนหลังแผ่นดินไหวที่ตามมาอีกหลายระลอกก็อาจทำให้ความต้องการน้ำมันในญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้นอีกเช่นกัน
คุณ Frederico Gil Sander เน้นย้ำว่าหากราคาน้ำมันโลกยังสูงขึ้นต่อไป จะส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจโลกรวมทั้งเศรษฐกิจไทยด้วย อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลกผู้นี้เชื่อว่า ในปีนี้ประเทศไทยจะสามารถรับมือกับความกังวลเรื่องราคาน้ำมันราคาอาหารแพงและปัญหาเงินเฟ้อได้ โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตราว 3.7% ในปีนี้ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของภาคการส่งออก และการบริโภคภายในประเทศเนื่องจากคนไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้คุณ Sander เตือนว่าปัจจุบันบรรดานักลงทุนต่างชาติยังคงรีรอเพื่อดูว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นเช่นไร ก่อนที่จะมีการตัดสินใจว่าจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยหรือไม่