ลิ้งค์เชื่อมต่อ

วิเคราะห์ผลกระทบต่อ "เวียดนาม" หากเกิดสงครามการค้า "สหรัฐฯ - จีน"


Employees work on an assembly line at a shoe factory in Tan Lap village, outside Hanoi.
Employees work on an assembly line at a shoe factory in Tan Lap village, outside Hanoi.

นักวิเคราะห์เชื่อว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ซึ่งอาจลุกลามไปเป็นสงครามการค้า จะเป็นผลดีต่อการส่งออกสินค้าของเวียดนามไปยังสหรัฐฯ แต่ก็อาจสร้างความเสี่ยงได้เช่นกัน หากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง

เมื่อเดือนที่แล้ว ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในมาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน มูลค่า 60,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งต่อมาจีนได้ตอบโต้ด้วยการประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ หลายประเภทด้วยกัน จนทำให้มีความกังวลว่าอาจเกิดสงครามการค้าโลกระหว่างประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดสองประเทศนี้

อย่างไรก็ตาม สำหรับเวียดนาม นักวิเคราะห์ต่างเชื่อว่าอาจได้ประโยชน์จากสงครามการค้าที่ว่านี้

ดัสติน โดเฮอร์ตี้ (Dustin Daugherty) นักวิเคราะห์จากบริษัทที่ปรึกษาทางธุรกิจ Dezan Shira & Associates ในนครโฮจิมินห์ กล่าวว่า หากสินค้าจีนที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ถูกกำหนดภาษีเพิ่ม แต่สินค้าจากเวียดนามได้รับยกเว้น ประโยชน์ก็จะตกอยู่กับผู้ส่งออกในเวียดนาม

คุณโดเฮอร์ตี้ เชื่อว่า เรื่องนี้มีโอกาสเป็นไปได้สูง เพราะที่ผ่านมา สหรัฐฯ ต้อนรับสินค้าจากเวียดนามเป็นอย่างดี และบริษัทอเมริกันก็ดูยินดีที่ทำธุรกิจกับเวียดนาม

เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตในระดับ 7%ในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยเฉพาะในภาคการส่งออกและการลงทุนจากต่างชาติ โดยปัจจุบัน สหรัฐฯ คือตลาดใหญ่ที่สุดสำหรับสินค้าส่งออกจากเวียดนาม ด้วยมูลค่าราว 46,500 ล้านดอลลาร์ต่อปี ขณะเดียวกัน บริษัทอเมริกันหลายบริษัทต่างลงทุนสร้างฐานการผลิตในเวียดนาม เช่น บริษัทรถยนต์ ฟอร์ด (Ford) และบริษัทผู้ผลิตชิพคอมพิวเตอร์ อินเทล (Intel)

นักวิเคราะห์ยังเชื่อด้วยว่า หากจีนถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีเพิ่มขึ้นจริงๆ เวียดนามอาจจะกลายเป็นประเทศที่ดึงดูดการลงทุนจากสหรัฐฯ มากกว่าจีน โดยเฉพาะนักลงทุนรายใหม่ที่ต้องการเลี่ยงภาษีในอัตราสูง

แต่ก็มีนักวิเคราะห์บางคนที่เห็นว่า หากเกิดสงครามการค้าโลกขึ้นจริง ตลาดโลกจะเกิดความผันผวน และเศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัวลง ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจเวียดนามซึ่งพึ่งพาการส่งออกเป็นหลักเช่นกัน

ซอง เซง วุน (Song Seng Wun) นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคาร CIMB ในสิงคโปร์ เชื่อว่า หากสินค้าจากจีนได้รับผลกระทบ เวียดนามก็อาจโดนหางเลขไปด้วย เพราะเวลานี้ เวียดนามเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์หลายอย่างให้กับบริษัทจีน โดยเฉพาะสินค้าอิเลคทรอนิกส์ต่างๆ ตัวอย่างเช่น โทรศัพท์ iPhone ที่ชิ้นส่วนต่างๆ ผลิตในหลายประเทศของเอเชีย

นอกจากนี้ยังมีความกังวลเรื่องสินค้าจีนจะล้นตลาดโลก และทะลักเข้าไปแข่งขันกับสินค้าที่ผลิตในประเทศอื่นๆ รวมทั้ง เวียดนาม

อาจารย์ คาร์ล เธย์เยอร์ (Carl Thayer) แห่ง University of New South Wales ในออสเตรเลีย กล่าวว่า บริษัทจีนที่ได้รับผลกระทบจากภาษีของสหรัฐฯ อาจใช้วิธีทุ่มตลาดในประเทศอื่นแทนเพื่อเป็นการชดเชยรายได้ที่หายไป

อาจารย์ คาร์ล เธย์เยอร์ ชี้ว่า ปกติแล้วบริษัทจีนมักผลิตสินค้าจำนวนมากได้ในต้นทุนต่ำ ทำให้สามารถขายสินค้านั้นในราคาถูกกว่าสินค้าที่ผลิตในเวียดนามเอง นอกจากนี้ การที่จีนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของเวียดนาม จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เวียดนาม รวมทั้งประเทศอื่นๆ จะต้องได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างยักษ์ใหญ่ของเศรษฐกิจโลกทั้งสองประเทศนี้

(ผู้สื่อข่าว Ralph Jennings รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)

XS
SM
MD
LG