เวียดนามซึ่งได้ชื่อว่าเป็นระบบเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่มีอนาคตมากที่สุดของเอเซียกำลังมีปัญหา หลายเรื่อง เช่นการขาดดุลย์การค้า 12,000 ล้านดอลล่าร์ อัตราเงินเฟ้อ 11 % และค่าเงินดองที่ตกต่ำ รวมทั้งเงินทุนสำรองสกุลต่างประเทศที่ลดลง ทั้งนี้เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วเกินไป และนาย Tom Byrne ผู้ช่วยผู้จัดการของบริษัท Moodys Investors Service ในสิงคโปร์บอกว่า สิ่งสำคัญซึ่งรัฐบาลเวียดนามควรทำขณะนี้เพื่อให้การจัดอันดับความน่าเชื่อถือหรือ Rating ดีขึ้นคือการสร้างเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจในระดับมหภาค
นาย Tom Byrne ชี้ด้วยว่านโยบายของรัฐบาลเวียดนามซึ่งต้องการให้มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วอาจจะดีสำหรับการสร้างงานและการขยายตัวทางเศรษฐกิจระยะสั้น แต่จะไม่ช่วยในแง่ของความยั่งยืน
ส่วนอาจารย์ Carl Thayer ผู้สอนวิชารัฐศาสตร์ของ Australian Defense Force Academy บอกว่าในเดือนมกราคมนี้จะมีการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิตส์เวียดนาม แต่เขาไม่คาดว่าทางพรรคจะเปลี่ยนแปลงนโยบายทางเศรษฐกิจอย่างสำคัญ และว่านายกรัฐมนตรีเหงียน ทัน ดุงคงจะสามารถรักษาตำแหน่งเอาไว้ได้ เนื่องจากใม่มีคู่แข่งทางการเมืองที่น่ากลัว อย่างไรก็ตามอาจารย์ Carl Thayer ชี้ว่านายกรัฐมนตรีของเวียดนามประกาศว่าเวียดนามสามารถทำให้เศรษฐกิจเติบโต สร้างเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจระดับมหภาค และรักษาเสถียรภาพทางการเมืองไปได้พร้อมๆ กัน แต่เขาคิดว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเวียดนามคือการไร้เสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ
และในขณะที่นักวิเคราะห์การเงินหลายคนมองว่าปัญหาทางเศรษฐกิจของเวียดนามอาจทำให้นักลงทุนขาดความมั่นใจ นาย Tom Byrne ชี้ว่าเวียดนามโชคดีที่ได้ทำข้อตกลงการค้าเสรีกับสหรัฐฯ เมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว ซึ่งช่วยให้สินค้าออกของเวียดนามเข้าถึงตลาดในสหรัฐฯ ได้ และว่าความโปร่งใสในเรื่องข้อมูลและนโยบายทางเศรฐษกิจต่างๆ อย่างทันต่อเวลาจะมีส่วนช่วยปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนและสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้
