ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ควันจากไฟป่าภาคตะวันตกสหรัฐฯ ลอยไกลถึงยุโรป


สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานความเห็นของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ชี้ว่า ไฟป่าครั้งใหญ่ในรัฐแคลิฟอร์เนียและพื้นที่ทางตะวันตกอื่น ๆ ของสหรัฐฯ เป็นไฟป่าที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 18 ปี ทำให้เกิดกลุ่มควันหนาแน่นในทวีปอเมริกาเหนือและถูกพัดไปถึงทวีปยุโรปตอนเหนือด้วย

กลุ่มเฝ้าติดตามสภาพภูมิอากาศในยุโรป Copernicus Atmosphere Monitoring Service หรือ CAMS ใช้ดาวเทียมสังเกตเหตุการณ์ไฟป่าทั่วโลก และพบว่าไฟป่าในสหรัฐฯ ปีนี้ รุนแรงเป็น “หลายสิบถึงหลายร้อยเท่า” กว่าไฟป่าโดยเฉลี่ยทั่วประเทศและในรัฐที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่ช่วงปีค.ศ. 2003 – 2019 โดยรัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐโคโลราโดเริ่มเกิดไฟป่าในช่วงกลางเดือนสิงหาคม ตามมาด้วยรัฐโอเรกอนและรัฐวอชิงตันในช่วงต้นเดือนกันยายนจากสภาพอากาศแห้ง ร้อน และมีลมพัดแรง

มาร์ค แพร์ริงตัน นักวิทยาศาสตร์อาวุโสของ CAMS ระบุว่า ไฟป่าครั้งนี้อยู่ในระดับรุนแรงกว่าไฟป่าทุกครั้งที่ทางกลุ่มเริ่มสำรวจมาตลอด 18 ปี เขาอธิบายว่า นักวิทยาศาสตร์ใช้ค่าความลึกเชิงแสงของฝุ่นละออง (Aerosol Optical Depth) หรือค่า AOD ในการวัดความหนาแน่นของควัน โดยค่า AOD ในบริเวณตะวันตกของสหรัฐฯ มีค่าถึงเจ็ด หรือมากกว่านั้น โดยค่า AOD เพียงแค่หนึ่งก็อาจบ่งชี้ถึงบรรยากาศขมุกขมัวและคุณภาพอากาศต่ำได้แล้ว

ข้อมูลและภาพถ่ายทางดาวเทียมของ CAMS ยังระบุด้วยว่า ควันหนาแน่นยังคงอยู่บริเวณชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ เหนือมหาสมุทรแปซิฟิคหลายวัน ก่อนจะเริ่มลอยกลับเข้ามาสู่แผ่นดินของสหรัฐฯ และแคนาดา ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติคและลอยไปถึงทวีปยุโรปตอนเหนือเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และอาจมีควันอีกกลุ่มลอยมาถึงยุโรปอีกครั้งในอีกไม่กี่วันต่อจากนี้

พาร์ริงตันยังระบุด้วยว่า กลุ่มควันนี้หนาแน่นจนถูกจับภาพได้จากดาวเทียมที่อยู่ห่างออกไปถึงกว่า 8,000 กิโลเมตร ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ไฟป่าครั้งนี้ปล่อยมลพิษเข้าสู่ชั้นบรรยากาศอย่างมหาศาล

ทั้งนี้ ศูนย์ประสานงานอัคคีภัยแห่งชาติของสหรัฐฯ ระบุเมื่อวันอังคารว่า มีไฟป่าอย่างน้อย 87 แห่งใน 11 รัฐ ทำให้เกิดกลุ่มควันหนาในอากาศ และมีผู้เสียชีวิตจากไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียตั้งแต่เดือนสิงหาคมอย่างน้อย 25 คน ส่วนในรัฐโอเรกอน นับจนถึงวันอังคารมีผู้เสียชีวิต 10 คน และผู้สูญหาย 22 คน

CAMS ยังระบุด้วยว่า ไฟป่าครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์นี้ปล่อยคาร์บอนถึงราว 21.7 เมกะตันในรัฐแคลิฟอร์เนีย อีก 7.3 เมกะตันในรัฐโอเรกอน และอีก 1.4 เมกะตันในรัฐวอชิงตัน โดยกลุ่มเฝ้าติดตามคุณภาพอากาศ IQAir ระบุว่า พื้นที่บางส่วนทางชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ ขณะนี้มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลก

XS
SM
MD
LG