ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน แถลงข่าวการเสียชีวิตของผู้นำกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส (IS) ระหว่างปฏิบัติการจู่โจมของกองกำลังพิเศษของสหรัฐฯ ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย
รายงานระบุว่า นายอาเมียร์ มูฮัมหมัด ซาอีด อับเดล-ราห์มาน อัล-มาวลา หรือที่รู้จักกันในชื่อ อาบู อิบราฮิม อัล-ฮาชีมี อัล-กูราจี ระเบิดฆ่าตัวตายพร้อมสมาชิกในครอบครัว ขณะที่ทหารอเมริกันกำลังบุกจู่โจมอาคารที่พักอาศัยสามชั้นแห่งหนึ่งในเมืองอัตเมห์ ในจังหวัดอิดลิบ ไม่ไกลจากชายแดนซีเรีย-ตุรกี
รายงานปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายครั้งล่าสุดของสหรัฐฯ เริ่มขึ้นเมื่อคืนวันพุธในสื่อสังคมออนไลน์ โดยมีรายงานว่าทหารอเมริกันใช้เฮลิคอปเตอร์บุกโจมตีอาคารหลังหนึ่งในพื้นที่ระหว่างจังหวัดอิดลิบกับจังหวัดอเลปโปทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย และมีรายงานว่าทหารอเมริกันได้บอกให้ประชาชนที่อยู่ในอาคารดังกล่าวหลบหนีออกมาก่อนเริ่มการโจมตี
องค์กร Syrian Observatory for Human Rights ระบุในวันพฤหัสบดีว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 คนในปฏิบัติการนี้ รวมทั้งสตรีสามคนและเด็กสี่คน แต่ทางการสหรัฐฯ ยังมิได้ยืนยันตัวเลขดังกล่าว
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ผู้หนึ่งซึ่งไม่เปิดเผยตัวตน กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากการระเบิดฆ่าตัวตายของนายอัล-มาวลา และหนึ่งในนักรบไอเอสซึ่งอาศัยอยู่ในอาคารเดียวกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้นี้บอกว่าเป็น “การกระทำสุดท้ายที่ขลาดเขลาและไม่คำนึงถึงชีวิตผู้อื่น” นำไปสู่การเสียชีวิตของภรรยาและบุตรหลายคนของนายอัล-มาวลา
นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่า ระหว่างการโจมตี เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งของกองกำลังสหรัฐฯ ประสบเหตุขัดข้องทางเทคนิคทำให้นักบินต้องร่อนลงจอด ก่อนเจ้าหน้าที่สหรัฐฯจะตัดสินใจระเบิดเพื่อทำลายเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าว บริเวณไม่ไกลจากจุดโจมตี
แถลงการณ์ของประธานาธิบดีไบเดน
ผู้นำสหรัฐฯ ยืนยันการเสียชีวิตของนายอาเมียร์ มูฮัมหมัด ซาอีด อับเดล-ราห์มาน อัล-มาวลา โดยระบุว่า "กองกำลังสหรัฐฯ ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียประสบความสำเร็จในปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายเมื่อคืนวานนี้ตามคำสั่งของประธานาธิบดี โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องชาวอเมริกันและพันธมิตร และทำให้โลกมีสันติสุขยิ่งขึ้น"
ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวด้วยว่า พลเมืองอเมริกันทุกคนปลอดภัยจากปฏิบัติการครั้งนี้ พร้อมยกย่องการปฏิบัติภารกิจของบรรดาหน่วยงานข่าวกรองและ “พันธมิตรสำคัญ” ของสหรัฐฯ คือกองกำลังเพื่อประชาธิปไตยของซีเรีย
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า ทั้งประธานาธิบดีไบเดน และรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส เฝ้าดูภารกิจครั้งนี้จากห้องทำงานในทำเนียบขาว และตระหนักดีถึงอันตรายของปฏิบัติการจู่โจมผู้นำกลุ่มไอเอสซึ่งอาศัยปะปนกับประชาชนหลายคนในอาคารแห่งนั้น
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวในระหว่างการแถลงที่ทำเนียบขาว ระบุว่า ได้เน้นย้ำคำสั่งให้ใช้ความระมัดระวังทุกวิถีทางเพื่อลดการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือน โดยในภารกิจดังกล่าวทหารสหรัฐฯจะพยายามจับผู้ก่อการร้ายเพื่อนำมาดำเนินคดี แต่นายอัล-มาวลา กลับเลือกที่จะใช้ระเบิดสังหารตัวเองและสมาชิกในครอบครัวเสียชีวิต
"โดยไม่คำนึงถึงชีวิตของคนในครอบครัว หรือผู้อื่นในอาคาร เขากลับเลือกที่จะจุดชนวนระเบิดฆ่าตัวตาย ที่ไม่ใช่ติดอยู่ที่ตัวเขาเท่านั้น แต่เป็นการจุดระเบิดไปทั่วชั้น 3 ของอาคารหลังนั้นทั้งหมด แทนที่จะเลือกเข้าต่อสู่ในกระบวนการยุติธรรมถึงความผิดที่เขากระทำ.." โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าว
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บอกด้วยว่า ได้มีการวางแผนบุกจู่โจมอาคารที่พักของนายอัล-มาวลา มานานหลายเดือนแล้ว โดยประธานาธิบดีไบเดนได้รับรายงานสรุปขั้นสุดท้ายเมื่อเดือนธันวาคมก่อนปฏิบัติการจะเริ่มขึ้น
ผู้นำรุ่นที่สองของไอเอส
นายอัล-มาวลา ขึ้นเป็นผู้นำกลุ่มไอเอสเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีค.ศ. 2019 หลังการเสียชีวิตของนายอาบู บัคร์ อัล-แบกดาดี ผู้นำคนก่อนซึ่งถูกโจมตีสังหารในซีเรียเช่นกัน
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การเสียชีวิตของนายอัล-มาวลา อาจสร้างความเสียหายอย่างมากให้กับกลุ่มไอเอส ซึ่งกำลังฟื้นตัวกลับมาอย่างช้า ๆ หลังจากสูญเสียกำลังพลและดินแดนไปอย่างมากหลังการเสียชีวิตของผู้นำคนก่อน
ทั้งนี้ เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว มีรายงานว่าทหารอิรักได้จับกุมนายซามี จาซิม มูฮัมหมัด อัล-จาบูรี ซึ่งเพนตากอนระบุว่าเป็น "หนึ่งในผู้นำระดับสูงสุดของกลุ่มไอเอส" เช่นกัน