รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอเมริกัน ฮิลลารี คลินตัน ไปกล่าวสุนทรพจน์เมื่อวันพฤหัสบดี ในกรุงฮานอย เนื่องในโอกาสที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและเวียตนามเวียนมาบรรจบครบรอบอีกปีหนึ่ง และการที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศซึ่งเคยเป็นศัตรูกันมาก่อนก้าวหน้าไปด้วยดี รัฐมนตรีคลินตันตั้งข้อสังเกตว่าการปรับความสัมพันธ์กับเวียตนามให้เป็นปรกตินี้ทำกันในสมัยประธานาธิบดีบิล คลินตัน และว่าการลงทุนของสหรัฐมีส่วนทำให้เวียตนามพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าวไว้ด้วยว่า สงครามซึ่งก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานและเป็นเรื่องที่ยังฝังใจชาวอเมริกันและชาวเวียตนามจำนวนมาก ยุติมา 35 ปีแล้ว และว่า แม้จะเป็นเรื่องที่สร้างความเจ็บปวดรวดร้าว แต่ทั้งสองฝ่ายก็อุทิศตนให้กับการสร้างสรรสันติภาพซึ่งเป็นงานที่ยากเย็น และว่า ขณะนี้สหรัฐและเวียตนามเคลื่อนไหวไปตามแนวทางที่จะติดต่อ ร่วมมือกันและเจรจาพาทีกัน แม้แต่ในประเด็นปัญหาที่ต่างฝ่ายต่างมีความคิดเห็นขัดแย้งกัน
หลังจากพบหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศเวียตนาม ฝ่าม เยีย คิ้ม เสร็จแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอเมริกัน ฮิลลารี คลินตันกล่าวต่อบรรดาผู้สื่อข่าวว่า ได้ยกเรื่องที่สหรัฐวิตกกังวลขึ้นมาเจรจากันด้วย โดยอธิบายว่า เวียตนามมีประชากรที่มีขีดความสามารถสูงเป็นพิเศษ แข็งขันและกำลังรุดหน้าไปตามแนวทางที่จะเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่ชาติหนี่ง ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สหรัฐวิตกกังวลเกี่ยวกับการจับกุมและการตัดสินลงโทษผู้ที่แสดงความคิดเห็นขัดแย้งกับฝ่ายรัฐบาลออกมาโดยสงบ การโจมตีกลุ่มผู้นับถือศาสนาต่างๆ และการลิดรอนเสรีภาพเกี่ยวกับเรื่องเครือข่ายอินเทอร์เน็ท
รัฐมนตรีคลินตันยังให้คำมั่นด้วยว่า จะเร่งสนับสนุนให้การทำความสะอาดเพื่อกำจัดสารเคมี Agent Orange ดำเนินไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น เชื่อกันว่าสารเคมีที่ทหารอเมริกันนำมาใช้ระหว่างสงครามเวียตนามนั้นทำให้ประชาชนเจ็บป่วยและทำให้ทารกพิการตั้งแต่แรกเกิด
ระหว่างที่อยู่ที่กรุงฮานอย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอเมริกัน ฮิลลารี คลินตันจะเข้าประชุม ASEAN Regional Forum ซึ่งเป็นที่ประชุมเกี่ยวกับความมั่นคงของภาคีอาเซียนร่วมกับชาติตะวันตก
ขณะเดียวกัน ประเด็นที่กล่าวขวัญกันมากที่กรุงฮานอยในขณะนี้ คือเรื่องเกาหลีเหนือกับโครงการอาวุธนิวเคลียร์ เมื่อวันพุธ รัฐมนตรีคลินตันประกาศมาตรการลงโทษเกาหลีเหนือเพิ่มเติมอีก
เกาหลีเหนือกล่าวไว้ก่อนหน้าว่า สหรัฐต้องระงับแผนการที่จะซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้ ถ้าต้องการจะเห็นคาบสมุทรเกาหลีปลอดนิวเคลียร์ นาย รี ตอง อิล ผู้แถลงข่าวของคณะผู้แทนเกาหลีเหนือกล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า สหรัฐจะต้องระงับแผนการที่จะซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้ ซึ่งจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ และว่าการซ้อมรบและการลงโทษเกาหลีเหนือจะไม่เอื้ออำนวยให้มีการเจรจาระหว่างกัน และในทางปฏิบัติ สหรัฐควรมีส่วนร่วมในการสร้างสรรสันติภาพในภูมิภาค
การซ้อมรบมีจุดมุ่งหมายจะแสดงพลังให้เกาหลีเหนือเห็นประจักษ์หลังจากเกิดการจมเรือรบลำหนึ่งของกองทัพเรือเกาหลีใต้เมื่อเดือนมีนาคม ทำให้ทหารเรือเกาหลีใต้เสียชีวิต 46 นาย สหรัฐและเกาหลีใต้กล่าวหาว่าตอร์ปิโดที่จมเรือรบลำนั้นเป็นของเกาหลีเหนือ แต่เกาหลีเหนือปฎิเสธเรื่องนั้น
และในวันศุกร์ รัฐมนตรีต่างประเทศพม่าและเกาหลีเหนือจะเข้าประชุมร่วมกับผู้ที่ตำหนิติเตียนพม่าและเกาหลีเหนือหลายรายรวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐด้วย
