สหประชาชาติเตือนว่า มีการผลิตยากระตุ้นประเภทแอมเฟตตามีนมากขึ้นในเอเชีย

สหประชาชาติระบุเตือนไว้ในรายงานเกี่ยวกับแนวโน้มด้านการลักลอบขนและค้ายาเสพย์ในเอเชียว่า ขณะนี้ยากระตุ้นประเภทแอมเฟตตามีนและยาเสพย์ติดสังเคราะห์อื่นๆ กำลังเป็นยาเสพย์ติดหลักที่เป็นภัยคุกคามแทนที่ยาเสพย์ติดอย่างเช่น เฮโรอิน ฝิ่นหรือกัญชา

รายงานที่สำนักยาเสพย์ติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nation’s Office on Drugs and Crime) หรือ ยูเอ็นโอดีซี (UNODC) นำออกเผยแพร่ในวันพฤหัสบดีระบุว่า ในปีที่แล้ว ผู้ที่เสพย์ยากระตุ้นประเภทแอมเฟตตามีนมีจำนวนระหว่าง 3 ล้านถึง 20 ล้านคน ยาซึ่งเสพย์แล้วอาจติดได้อย่างรวดเร็วนี้สามารถทำจาก pseudoephedrine อันเป็นตัวลดความคั่งในยาแก้หวัดที่สามารถหาซื้อตามร้านขายยาทั่วไปได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ รายงานระบุด้วยว่า แก๊งอาชญากรที่ทำงานเป็นเครือข่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก๊งอาชญากรอิหร่านและทางแอฟริกาตะวันตกกำลังลักลอบขนและค้ายาเสพย์ติดอย่างคึกคักยิ่งขึ้น ซึ่งมีส่วนทำให้ ปัญหายาเสพย์ติดในภาคเอเชียบูรพาและภาคเอเชียอาคเนย์ขยายวงออกไป

เจ้าหน้าที่ของยูเอ็นดีโอซี ณ กรุงเทพมหานคร ดีปิกา นารูกา (Deepika Naruka) กล่าวว่า เรื่องนั้นเป็นแนวโน้มใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วงหนึ่งปี มีการจับกุมบุคคลมากมายในหลายประเทศเหลือเกินจนทำให้เราจำต้องหาสาเหตุว่าเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นเพราะเหตุใด? แต่เรายังหาสาเหตุที่เฉพาะเจะจงยังไม่ได้

แนวโน้มที่คนสัญชาติอิหร่านที่โดนจับกุมในฐานพยายามลักลอบนำยากระตุ้นประเภทแอมเฟตตามีนแบบผลึกหรือแบบเหลวเข้าประเทศต่างๆมีจำนวนมากยิ่งขึ้นนั้นเห็นได้ชัดในกรณีของญี่ปุ่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์และประเทศไทย เจ้าหน้าที่ของยูเอ็นโอดีซีกล่าวว่า ผลของการวิจัยค้นคว้าเบื้องต้นระบุว่า ปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังแนวโน้มดังกล่าวมีอยู่หลายประการรวมทั้งความยากจน

ทางเอเชียนั้น จะเห็นได้ชัดว่า คนในบรูไน จีน พม่า อินโดนีเซีย ลาว ปาปัวนิวกีนี มาเลเซียและเวียดนามมีแนวโน้มว่าจะเสพย์ยากระตุ้นประเภทเมธแธมเฟตตามีนทั้งแบบผลึกและที่เป็นเม็ดนั้นมากขึ้น บริเวณทางพรมแดนด้านตะวันออก ซึ่งอยู่ในความควบคุมของชนกลุ่มน้อยและแก๊งคนจีนนั้นมีโรงงานลับสำหรับผลิตยากระตุ้นเหล่านั้น รายงานระบุว่า ในพม่านั้นมีการผลิตยากระตุ้นประเภทแอมเฟตตามีนปีละหนึ่งพันล้านกว่าเม็ด ยูเอ็นดีโอซีกล่าวว่า ฝ่ายทหารในพม่ายังพัวพันกับการลักลอบขนและค้ายาเสพย์ติดอย่างกว้างยิ่งกว่านั้นด้วย

ผู้แทนของยูเอ็นโอดีซีประจำภาคเอเชียบูรพาและแปซิฟิกที่กรุงเทพมหานคร แกรี่ ลูอิส (Gary Lewis) กล่าวว่า คนในรัฐบาลที่ฉ้อราษฎร์บังหลวงนั้นมีแนวโน้มว่าพัวพันกับการลักลอบขนและค้ายาเสพย์ติดเช่นกัน ยูเอ็นโอดีซียังเตือนด้วยว่า การเสพย์และการลักลอบค้าเคตามีน (Ketamine) อันเป็นยาที่ใช้รักษามนุษย์และสัตว์นั้นกำลังทวีขึ้นในภาคเอเชียบูรพาและภาคเอเชียอาคเนย์ และว่าเมื่อปีที่แล้ว มีการยึดเคตามีนได้เกือบเจ็ดตัน และร้อยละ 85 ของเคตามีนที่โดนยึดนั้นเป็นเคตามีนที่โดนยึดทางเอเชีย รายงานฉบับนั้นกล่าวว่า การปล่อยเศรษฐกิจและการค้าให้ดำเนินไปโดยเสรีขณะที่รายได้ของประชาชนในท้องถิ่นสูงขึ้นกลายเป็นโอกาสอันดีสำหรับแก๊งอาชญากรซึ่งรวมทั้งการผลิตและการลักลอบขนและค้ายาเสพย์ติดผิดกฎหมายชนิดต่างๆด้วย