สหประชาชาติแสดงความวิตกกังวลต่อการโจมตีทำร้ายคนที่มีผิวเผือกในประเทศแทนซาเนีย มีการทำร้ายร่างกายคนเหล่านี้สี่ครั้งในช่วง 16 วันที่ผ่านมา โดยสามคนที่ถูกทำร้ายเป็นเด็ก
การโจมตีในแทนซาเนียเริ่มต้นในวันที่ 31 มกราคม เมื่อผู้ชายกลุ่มหนึ่งตัดแขนเด็กผิวเผือกอายุ 7 ขวบ สังหารเด็กผู้นี้และปู่อายุ 95 ปีที่พยายามจะช่วยหลาน เหตุเกิดในภาคกลางของประเทศ
ต่อมาในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ในภาคเหนือของแทนซาเนีย ผู้ชายถืออาวุธกลุ่มหนึ่งเข้าโจมตีบ้าน ซึ่งมีเด็กผิวเผือกอายุ 7 เดือน รายงานข่าวมิให้รายละเอียดนอกจากจะบอกว่าเด็กชายผู้นี้รอดชีวิตมาได้เพราะเพื่อนบ้านรวมตัวช่วยป้องกันให้
หกวันให้หลัง ในภาคตะวันตกของแทนซาเนีย ผู้ชายถืออาวุธห้าคนเข้าทำร้ายผู้หญิงอายุ 39 ปี
Rupert Colville โฆษกของข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติทางด้านสิทธิมนุษยชนบอกว่า ตามคำกล่าวหา ผู้ชายที่ถืออาวุธคนหนึ่งนั้นเป็นสามีของผู้หญิงที่ถูกทำร้าย โดยถูกตัดแขนซ้ายออกไป แต่ไม่เสียชีวิต ผู้ต้องสงสัยห้าคนถูกจับพร้อมด้วยแขนและเงินสด ซึ่งหมายความว่ากำลังมีการซื้อขายแขนที่ตัดเอาไป
และสี่วันต่อจากนั้น ผู้ชายกลุ่มหนึ่งตัดแขนของเด็กชายวัย 10 ขวบในขณะที่เด็กผู้นั้นกำลังเดินจากโรงเรียนจะกลับบ้าน Rupert Colville โฆษกข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติทางด้านสิทธิมนุษยชนบอกว่า ที่วิตกกังวลกันมากก็เพราะการตัดแขนหรืออวัยวะที่เกิดขึ้น กระทำในขณะที่ผู้รับเคราะห์ยังมีชีวิตอยู่
ในแทนซาเนียและอีกหลายประเทศในแอฟริกา ยังมีความเชื่อถือในเครื่องรางของขลังกันมาก และคนเหล่านี้เชื่อว่าผู้ที่มีผิวสีเผือก เพราะร่างกายขาดสีผิวนั้น ไม่ใช่มนุษย์ และอาจจะเป็นผี ซึ่งไม่มีวันตายได้ แต่จะหายตัวไปเท่านั้น
โดยทั่วไป คนผิวเผือกนอกจากจะถูกเลือกปฎิบัติแล้ว ขณะเดียวกันก็ต้องระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลาว่าจะถูกทำร้าย ถูกตัดแขนขา หรือถูกสังหารเพื่อเอาเลือดและอวัยวะภายในไปทำพิธีกรรม กล่าวกันว่า อวัยวะชิ้นส่วนของร่างกายที่นำมาทำพิธีให้เป็นเครื่องรางของขลังนั้น จะมีอิทธิฤทธิ์มากขึ้นถ้าเจ้าของส่งเสียงร้องในขณะที่ถูกทำร้าย
Peter Ash ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ “Under the Same Sun” หรือ “ใต้พระอาทิตย์ดวงเดียวกัน” ในแคนาดาเพื่อปกป้องคุ้มครองคนผิวเผือก บอกว่าเรื่องอย่างนี้มีอยู่ในประเทศต่างๆในแอฟริกามากกว่า 12 แห่ง และว่ามีการส่งอวัยวะที่เอามาได้ออกนอกประเทศ และก็ยังซื้อขายกันตามประเทศต่างๆในแอฟริกาทางอินเทอร์เน็ตได้ด้วย
Peter Ash บอกต่อไปว่า อวัยวะที่ซื้อขายกันนี้มีราคาสูงนับพันๆดอลล่าร์ แขนหรือขาของคนผิวเผือกมีราคาระหว่าง 2,000 – 4,000 ดอลล่าร์ ถ้าเป็นอวัยวะภายในครบชุด ราคาขายสูงกว่าหนึ่งแสนดอลล่าร์ ทำให้ต้องตั้งคำถามว่า ราคาอย่างนี้ในตลาดมืด ในประเทศอย่างแทนซาเนีย จะมีใครบ้างที่มีเงินมากพอจะซื้อได้ ซึ่งตอบได้เลยว่า มีน้อยคนมาก
Rupert Colville โฆษกของข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติทางด้านสิทธิมนุษยชน เร่งเร้าให้รัฐบาลแทนซาเนียทำงานให้มากขึ้นเพื่อแก้ปัญหานี้ ทางฝ่ายรัฐบาลแทนซาเนียได้กล่าวประนามการโจมตีทำร้ายคนผิวเผือก และยังได้เปิดสถานที่พักอาศัยให้กับคนเหล่านี้ รวมทั้งเรียกร้องให้ดำเนินคดีกับพ่อมดหมอผีที่เกี่ยวข้องกับการสังหารทำร้ายคนผิวเผือกด้วย
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขของสหประชาชาติบ่งชี้ว่าการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ทำไม่ได้ง่ายๆ จากจำนวน 72 คดีฆาตกรรมที่มีการบันทึกและดำเนินการ มีเพียงห้าคดีเท่านั้นที่ฟ้องร้องจนประสบความสำเร็จ
การโจมตีในแทนซาเนียเริ่มต้นในวันที่ 31 มกราคม เมื่อผู้ชายกลุ่มหนึ่งตัดแขนเด็กผิวเผือกอายุ 7 ขวบ สังหารเด็กผู้นี้และปู่อายุ 95 ปีที่พยายามจะช่วยหลาน เหตุเกิดในภาคกลางของประเทศ
ต่อมาในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ในภาคเหนือของแทนซาเนีย ผู้ชายถืออาวุธกลุ่มหนึ่งเข้าโจมตีบ้าน ซึ่งมีเด็กผิวเผือกอายุ 7 เดือน รายงานข่าวมิให้รายละเอียดนอกจากจะบอกว่าเด็กชายผู้นี้รอดชีวิตมาได้เพราะเพื่อนบ้านรวมตัวช่วยป้องกันให้
หกวันให้หลัง ในภาคตะวันตกของแทนซาเนีย ผู้ชายถืออาวุธห้าคนเข้าทำร้ายผู้หญิงอายุ 39 ปี
Rupert Colville โฆษกของข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติทางด้านสิทธิมนุษยชนบอกว่า ตามคำกล่าวหา ผู้ชายที่ถืออาวุธคนหนึ่งนั้นเป็นสามีของผู้หญิงที่ถูกทำร้าย โดยถูกตัดแขนซ้ายออกไป แต่ไม่เสียชีวิต ผู้ต้องสงสัยห้าคนถูกจับพร้อมด้วยแขนและเงินสด ซึ่งหมายความว่ากำลังมีการซื้อขายแขนที่ตัดเอาไป
และสี่วันต่อจากนั้น ผู้ชายกลุ่มหนึ่งตัดแขนของเด็กชายวัย 10 ขวบในขณะที่เด็กผู้นั้นกำลังเดินจากโรงเรียนจะกลับบ้าน Rupert Colville โฆษกข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติทางด้านสิทธิมนุษยชนบอกว่า ที่วิตกกังวลกันมากก็เพราะการตัดแขนหรืออวัยวะที่เกิดขึ้น กระทำในขณะที่ผู้รับเคราะห์ยังมีชีวิตอยู่
ในแทนซาเนียและอีกหลายประเทศในแอฟริกา ยังมีความเชื่อถือในเครื่องรางของขลังกันมาก และคนเหล่านี้เชื่อว่าผู้ที่มีผิวสีเผือก เพราะร่างกายขาดสีผิวนั้น ไม่ใช่มนุษย์ และอาจจะเป็นผี ซึ่งไม่มีวันตายได้ แต่จะหายตัวไปเท่านั้น
โดยทั่วไป คนผิวเผือกนอกจากจะถูกเลือกปฎิบัติแล้ว ขณะเดียวกันก็ต้องระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลาว่าจะถูกทำร้าย ถูกตัดแขนขา หรือถูกสังหารเพื่อเอาเลือดและอวัยวะภายในไปทำพิธีกรรม กล่าวกันว่า อวัยวะชิ้นส่วนของร่างกายที่นำมาทำพิธีให้เป็นเครื่องรางของขลังนั้น จะมีอิทธิฤทธิ์มากขึ้นถ้าเจ้าของส่งเสียงร้องในขณะที่ถูกทำร้าย
Peter Ash ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ “Under the Same Sun” หรือ “ใต้พระอาทิตย์ดวงเดียวกัน” ในแคนาดาเพื่อปกป้องคุ้มครองคนผิวเผือก บอกว่าเรื่องอย่างนี้มีอยู่ในประเทศต่างๆในแอฟริกามากกว่า 12 แห่ง และว่ามีการส่งอวัยวะที่เอามาได้ออกนอกประเทศ และก็ยังซื้อขายกันตามประเทศต่างๆในแอฟริกาทางอินเทอร์เน็ตได้ด้วย
Peter Ash บอกต่อไปว่า อวัยวะที่ซื้อขายกันนี้มีราคาสูงนับพันๆดอลล่าร์ แขนหรือขาของคนผิวเผือกมีราคาระหว่าง 2,000 – 4,000 ดอลล่าร์ ถ้าเป็นอวัยวะภายในครบชุด ราคาขายสูงกว่าหนึ่งแสนดอลล่าร์ ทำให้ต้องตั้งคำถามว่า ราคาอย่างนี้ในตลาดมืด ในประเทศอย่างแทนซาเนีย จะมีใครบ้างที่มีเงินมากพอจะซื้อได้ ซึ่งตอบได้เลยว่า มีน้อยคนมาก
Rupert Colville โฆษกของข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติทางด้านสิทธิมนุษยชน เร่งเร้าให้รัฐบาลแทนซาเนียทำงานให้มากขึ้นเพื่อแก้ปัญหานี้ ทางฝ่ายรัฐบาลแทนซาเนียได้กล่าวประนามการโจมตีทำร้ายคนผิวเผือก และยังได้เปิดสถานที่พักอาศัยให้กับคนเหล่านี้ รวมทั้งเรียกร้องให้ดำเนินคดีกับพ่อมดหมอผีที่เกี่ยวข้องกับการสังหารทำร้ายคนผิวเผือกด้วย
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขของสหประชาชาติบ่งชี้ว่าการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ทำไม่ได้ง่ายๆ จากจำนวน 72 คดีฆาตกรรมที่มีการบันทึกและดำเนินการ มีเพียงห้าคดีเท่านั้นที่ฟ้องร้องจนประสบความสำเร็จ