สำนักข่าว The Associated Press รายงานว่า เมื่อวันศุกร์ ทหารอังกฤษทั้งสามเหล่าทัพต่างฝึกซ้อมเพื่อเข้าร่วมพระราชพิธีพระศพเจ้าชายฟิลิปที่สิ้นพระชนม์ไปเมื่อวันที่ 9 เมษายนด้วยพระชันษา 99 ปี โดยทรงเคยเป็นทหารผ่านศึกจากสงครามโลกครั้งที่สอง
ทหารกว่า 700 นายจะเข้าร่วมพระราชพิธีพระศพในวันเสาร์ที่ปราสาทวินด์เซอร์ รวมถึงวงดนตรีกองทัพบก นักเป่าแตรจากกองทัพเรือ และกองทหารเกียรติยศ อย่างไรก็ตาม จะมีแขกเข้าร่วมพระราชพิธีพระศพในโบสถ์เซนต์ จอร์จ เพียง 30 คนเท่านั้น รวมถึงสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และพระราชโอรสและพระราชธิดาทั้งสี่พระองค์ ได้แก่ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เจ้าหญิงแอนนา เจ้าชายแอนดรูว์ และเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด
ก่อนสิ้นพระชนม์ เจ้าชายฟิลิปทรงวางแผนงานพิธีฝังพระศพของพระองค์เอง โดยพิธีดังกล่าวจะสะท้อนให้เห็นชีวิตของพระองค์ในช่วงที่ทรงรับราชการทหารเรือ ความผูกพันของพระองค์ต่อกองทัพ และความโปรดรถแลนด์โรเวอร์ที่ทรงขับด้วยพระองค์เองมาหลายสิบปี ก่อนที่ต้องทรงต้องเพิกถอนใบขับขี่เมื่อมีพระชันษา 97 ปีหลังเกิดอุบัติเหตุ โดยรถแลนด์ โรเวอร์ ดีเฟนเดอร์ สีเขียวทหารที่พระองค์ออกแบบเอง จะนำพระศพของพระองค์ไปยังโบสถ์
พระราชโอรสและพระราชธิดาทั้งสี่จะทรงพระดำเนินตามหลังรถพระศพ เช่นเดียวกับเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮร์รี่ อย่างไรก็ตาม เจ้าชายทั้งสองพระองค์มีความสัมพันธ์ไม่สู้ดีนักนับตั้งแต่เจ้าชายแฮร์รี่ทรงตัดสินพระทัยยุติปฏิบัติหน้าที่ของราชวงศ์ และจะไม่ทรงพระดำเนินเคียงข้างกัน โดยจะทรงพระดำเนินขนาบข้างปีเตอร์ ฟิลลิปส์ โอรสของเจ้าหญิงแอนน์แทน
ทั่วประเทศอังกฤษจะสงบนิ่งถวายความอาลัยแก่พระองค์เป็นเวลาหนึ่งนาที ก่อนที่วงดนตรีกองทัพจะบรรเลงเพลงก่อนเริ่มงานพิธีฝังพระศพ โดยภายในพิธีในโบสถ์ นักเป่าแตรจากกองทัพเรือจะเป่าแตรเป็นสัญญาณเตือนให้ทหารเรือเตรียมออกรบ ซึ่งเป็นพระประสงค์ของเจ้าชายฟิลิป ผู้ทรงรับราชการในกองทัพเรือมาเกือบ 14 ปี และทรงปฏิบัติภารกิจในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิค ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
แขกผู้เข้าร่วมงานคนอื่นๆ มีทั้งเชื้อพระวงศ์อาวุโสและพระญาติทางฝั่งเยอรมนีของเจ้าชายฟิลิป ผู้ประสูติในฐานะเจ้าชายแห่งกรีซและเดนมาร์ค และทรงเป็นพระญาติกับบรรดาพระราชวงศ์ต่างๆ ในยุโรป โดยแขกผู้ร่วมงานจะสวมหน้ากากและเว้นระยะห่างทางสังคมในโบสถ์ และไม่เข้าร่วมขณะที่คณะประสานเสียงจำนวนสี่คนร้องเพลง โดยสมเด็จพระราชินีนาถจะทรงประทับแยกพระองค์ออกมา
ขณะเดียวกัน ประชาชนยังคงเดินทางมาวางดอกไม้หน้าปราสาทวินด์เซอร์ แม้ทางการอังกฤษจะขอความร่วมมืองดวางดอกไม้เพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 ก็ตาม โดยผู้ถวายความอาลัยหลายคนระบุว่า พวกเขาเห็นใจสมเด็จพระราชินีนาถที่ทรงสูญเสียพระสวามีที่เคยทรงอยู่เคียงข้างพระองค์มา 73 ปี
เมื่อวันศุกร์ เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดและโซฟี เคานท์เตสแห่งเวสเซ็กส์ พระชายา เสด็จมาทอดพระเนตรดอกไม้และบัตรถวายความอาลัยต่อเจ้าชายฟิลิป ที่ส่วนใหญ่เขียนโดยเด็กๆ และนักการเมือง รวมถึงนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ที่เขียนว่า “ในนามของประเทศ หม่อมฉันขอน้อมสำนึกในพระกรุณาธิคุณอย่างหาคำกล่าวมิได้”
อย่างไรก็ตาม สมเด็จพระราชินีนาถทรงโปรดให้เชื้อพระวงศ์ที่เคยทรงรับราชการทหารหรือมีพระยศทางทหาร ทรงฉลองพระองค์พลเรือนแทนฉลองพระองค์เครื่องแบบ ทำให้เจ้าชายแฮร์รี่ที่ทรงถูกยึดตำแหน่งทางทหารไปหลังทรงยุติปฏิบัติพระกรณียกิจในฐานะพระราชวงศ์ จะไม่เป็นพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์เดียวที่จะทรงฉลองพระองค์พลเรือน
การตัดสินพระทัยของสมเด็จพระราชินีนาถ ยังอาจช่วยบรรเทาข้อตำหนิที่อาจเกิดขึ้นได้ต่อเจ้าชายแอนดรูว์ ผู้ทรงมีดำริฉลองพระองค์นาวิกโยธิน และยังคงทรงพระยศทางทหาร แม้ว่าจะทรงถูกระงับการปฏิบัติภารกิจในฐานะราชวงศ์จากข่าวฉาวความสัมพันธ์ของพระองค์กับเจฟฟรีย์ เอพสตีน นักโทษข้อหาล่วงละเมิดทางเพศก็ตาม
