ผู้นำสหรัฐฯ ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างกำแพงกั้นพรมแดนที่แอริโซนา

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางไปยังรัฐแอริโซนาเพื่อติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างกำแพงกั้นพรมแดนกับเม็กซิโก ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายหาเสียงสำคัญในการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว

ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางไปยังรัฐทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศในวันอังคาร พร้อมกับ นายแชด วูลฟ์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และ นายมาร์ค มอร์แกน รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรและการป้องกันชายแดนของสหรัฐฯ หรือ CBP เพื่อตรวจสอบแนวกำแพงส่วนใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จ ในเขตซานลูอิส ของ ยูมา เคาน์ตี้

รัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวว่า นับตั้งแต่เริ่มการก่อสร้างเมื่อเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 2017 มีการสร้างกำแพงเสร็จแล้วเป็นระยะทางรวม 338 กิโลเมตรแล้ว แต่รายงานข่าวระบุว่า มีกำแพงยาวเพียง 4.8 กิโลเมตรเท่านั้น ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่

นอกจากการเยี่ยมชมกำแพงแล้ว ปธน.ทรัมป์ ยังมีกำหนดเข้าร่วมการประชุมโต๊ะกลมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้นำชุมชนเพื่อถกกรณีความมั่นคงตามแนวชายแดนด้วย

และหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจที่ยูมา เคาน์ตี้ ผู้นำสหรัฐฯ มีกำหนดเดินทางไปเมืองฟีนิกซ์ เพื่อขึ้นปราศรัยหาเสียงบนเวทีที่โบสถ์แห่งหนึ่งซึ่งประเมินว่าจะมีผู้เข้าร่วมฟังกว่า 3,000 คน

ผู้ดูแลโบสถ์ The Dream City Church ซึ่งเป็นที่จัดงานนี้ เผยแพร่ภาพวิดีโอคลิปที่ระบุว่า มีการติดตั้งระบบกรองอากาศใหม่ภายในอาคารที่สามารถกำจัดเชื้อไวรัสโควิด ได้ 99.9 เปอร์เซ็นต์ภายใน 10 นาที และย้ำว่า ผู้เข้าร่วมฟังการปราศรัยจะปลอดภัยทุกคนด้วย

อย่างไรก็ดี รายงานข่าวระบุว่า ยังไม่มีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ใดที่ยืนยันว่า เครื่องกรองอากาศนั้นสามารถป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโคโรนาไวรัสในกลุ่มคนที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มได้

นายกเทศมนตรีเมืองฟีนิกซ์ เคท แกลเลโก กล่าวว่า ทางการเมืองฟีนิกซ์ไม่ได้ให้การสนับสนุนหรืออนุญาตให้โบสถ์นี้จัดงานแต่อย่างใด เนื่องจากทางเมืองไม่อนุญาตให้มีการจัดกิจกรรมทางการเมือง นอกจากนั้น งานดังกล่าวยังขัดกับคำแนะนำของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ ในการรับมือกับโควิด-19 ด้วย

อย่างไรก็ดี นายกเทศมนตรี แกลเลโก ระบุว่า แม้ตนจะไม่เชื่อว่ากิจกรรมที่มีการรวมตัวของคนจำนวนมากจะปลอดภัย โดยเฉพาะในรัฐแอริโซนาที่มีการเพิ่มขึ้นของตัวเลขผู้ติดเชื้ออยู่ ปธน.ทรัมก์ ยังตัดสินใจเดินหน้าจัดกิจกรรมปราศรัยต่อไปอยู่ดี