ชาวโรฮิงจะที่หนีความรุนแรงในรัฐยะไข่ของพม่า เดินทางโดยเรือมาขึ้นบกที่ประเทศไทยและมาเลย์เซียแล้วนับพันๆคน
รายงานข่าวกล่าวว่า ชาวโรฮิงจะลี้ภัยหลายร้อยคนที่ขึ้นบกในภาคใต้ของประเทศไทย มักอาศัยกลุ่มค้ามนุษย์ในการเดินทาง และมีคำกล่าวหาว่ากองทัพบกไทยมีส่วนร่วมในการขายผู้ลี้ภัยให้กับนายหน้านักค้ามนุษย์ ซึ่งนำผู้ลี้ภัยเหล่านี้ไปส่งไว้ในมาเลย์เซีย
เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของกระทรวงการต่างประเทศไทยกล่าวว่า กำลังสืบสวนเรื่องที่กล่าวหากันนี้อยู่
คำกล่าวหาล่าสุดในเรื่องนี้มีขึ้นในขณะที่พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เรียกร้องให้ประชาคมนานาชาติยื่นมือให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยเหล่านี้มากขึ้น
Chris Lewa นักต่อสู้เคลื่อนไหวเรื่องผู้ลี้ภัยของกลุ่ม NGO เรียกชื่อว่า Arakan Project กล่าวว่า ในช่วงสองสามเดือนมานี้ มีคนลี้ภัยออกจากรัฐยะไข่ของพม่าไปแล้วอย่างน้อย 13,000 คน
เธอกล่าวว่า เวลานี้ชาวโรฮิงจะรู้สึกหมดหวังว่าอนาคตจะดีขึ้น ก่อนหน้านี้พวกเขาอาจจะยอมรับการปรักปรำทำร้ายได้ โดยยังมีความหวังว่า สถานการณ์ในอนาคตจะดีขึ้นบ้าง แต่เวลานี้เห็นว่าผู้ที่เดินทางออกมาเป็นผู้หญิงและเด็กเล็ก ซึ่งหมายความว่า อพยพออกมากันทั้งครอบครัวแล้ว
ในประเทศไทย เวลานี้มีชาวโรฮิงจะมากกว่า 900 คนที่ทางการควบคุมตัวไว้ หลังการจู่โจมแหล่งค้ามนุษย์ในสงขลา
รองศจ. ปนิธาน วัฒนายากร ของคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้พบกับผู้ลี้ภัยในสงขลา คาดว่าจะมีชาวโรฮิงจะหนีออกมาอีก
นักรัฐศาสตร์ไทยผู้นี้บอกว่า การตอบสนองของรัฐบาลไทยเป็นไปตามแนวทางของสภาความความมั่นคงแห่งชาติ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมด้วย
แต่ในแง่มุมกฎหมายสำหรับชาวโรฮิงจะ ซึ่งถือว่าเป็นคนไร้รัฐ อาจารย์ปนิธานให้ความเห็นว่า จะต้องแก้ไขปัญหานี้ในระดับภูมิภาค
นักวิชาการไทยผู้นี้กล่าวว่า คนเหล่านี้จะถูกส่งตัวกลับออกไปแน่นอน แต่ปัญหาคือจะส่งไปที่ไหน และสถานการณ์ก็อันตรายมากสำหรับพวกเขา เพราะฉะนั้น ถ้าจะว่าไปแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับพวกเขา ประชาคมนานาชาติ โดยเฉพาะองค์กรที่รับผิดชอบเรื่องผู้ลี้ภัยควรจะต้องร่างแนวทางให้ความช่วยเหลือที่ดีกว่านี้ขึ้นมา
ในขณะนี้ กาชาดสากลได้รับอนุญาตให้พบกับผู้ลี้ภัยเหล่านี้ได้ รวมทั้งได้มีการทำข้อตกลงชั่วคราวให้การอนุญาตอย่างเดียวกันกับข้าหลวงใหญ่ฝ่ายผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติแล้วด้วย
โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศไทย บอกกับผู้สื่อข่าว Voice of America ว่า เจ้าหน้าที่อาวุโสของไทยกำลังหารือกันเพื่อจัดทำนโยบายในเรื่องนี้ขึ้นมา แต่กองทัพบกไทยยังคงไม่เห็นด้วยกับแผนที่จะจัดตั้งค่ายกึ่งถาวรขึ้นสำหรับชาวโรฮิงจะที่ถูกควบคุมตัวอยู่
Phil Robertson รองผู้อำนวยการของ Human Rights Watch ในเอเชีย ให้ความเห็นว่า ประเทศไทยควรรับบทนำและทำงานร่วมกับประเทศอื่นๆในภูมิภาค เช่น มาเลย์เซีย อินโดนีเซีย และอาจจะรวมบรูไนด้วย กดดันให้พม่ายอมรับว่าชาวโรฮิงจะเป็นพลเมืองของตน
รายงานข่าวกล่าวว่า ชาวโรฮิงจะลี้ภัยหลายร้อยคนที่ขึ้นบกในภาคใต้ของประเทศไทย มักอาศัยกลุ่มค้ามนุษย์ในการเดินทาง และมีคำกล่าวหาว่ากองทัพบกไทยมีส่วนร่วมในการขายผู้ลี้ภัยให้กับนายหน้านักค้ามนุษย์ ซึ่งนำผู้ลี้ภัยเหล่านี้ไปส่งไว้ในมาเลย์เซีย
เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของกระทรวงการต่างประเทศไทยกล่าวว่า กำลังสืบสวนเรื่องที่กล่าวหากันนี้อยู่
คำกล่าวหาล่าสุดในเรื่องนี้มีขึ้นในขณะที่พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เรียกร้องให้ประชาคมนานาชาติยื่นมือให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยเหล่านี้มากขึ้น
Chris Lewa นักต่อสู้เคลื่อนไหวเรื่องผู้ลี้ภัยของกลุ่ม NGO เรียกชื่อว่า Arakan Project กล่าวว่า ในช่วงสองสามเดือนมานี้ มีคนลี้ภัยออกจากรัฐยะไข่ของพม่าไปแล้วอย่างน้อย 13,000 คน
เธอกล่าวว่า เวลานี้ชาวโรฮิงจะรู้สึกหมดหวังว่าอนาคตจะดีขึ้น ก่อนหน้านี้พวกเขาอาจจะยอมรับการปรักปรำทำร้ายได้ โดยยังมีความหวังว่า สถานการณ์ในอนาคตจะดีขึ้นบ้าง แต่เวลานี้เห็นว่าผู้ที่เดินทางออกมาเป็นผู้หญิงและเด็กเล็ก ซึ่งหมายความว่า อพยพออกมากันทั้งครอบครัวแล้ว
ในประเทศไทย เวลานี้มีชาวโรฮิงจะมากกว่า 900 คนที่ทางการควบคุมตัวไว้ หลังการจู่โจมแหล่งค้ามนุษย์ในสงขลา
รองศจ. ปนิธาน วัฒนายากร ของคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้พบกับผู้ลี้ภัยในสงขลา คาดว่าจะมีชาวโรฮิงจะหนีออกมาอีก
นักรัฐศาสตร์ไทยผู้นี้บอกว่า การตอบสนองของรัฐบาลไทยเป็นไปตามแนวทางของสภาความความมั่นคงแห่งชาติ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมด้วย
แต่ในแง่มุมกฎหมายสำหรับชาวโรฮิงจะ ซึ่งถือว่าเป็นคนไร้รัฐ อาจารย์ปนิธานให้ความเห็นว่า จะต้องแก้ไขปัญหานี้ในระดับภูมิภาค
นักวิชาการไทยผู้นี้กล่าวว่า คนเหล่านี้จะถูกส่งตัวกลับออกไปแน่นอน แต่ปัญหาคือจะส่งไปที่ไหน และสถานการณ์ก็อันตรายมากสำหรับพวกเขา เพราะฉะนั้น ถ้าจะว่าไปแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับพวกเขา ประชาคมนานาชาติ โดยเฉพาะองค์กรที่รับผิดชอบเรื่องผู้ลี้ภัยควรจะต้องร่างแนวทางให้ความช่วยเหลือที่ดีกว่านี้ขึ้นมา
ในขณะนี้ กาชาดสากลได้รับอนุญาตให้พบกับผู้ลี้ภัยเหล่านี้ได้ รวมทั้งได้มีการทำข้อตกลงชั่วคราวให้การอนุญาตอย่างเดียวกันกับข้าหลวงใหญ่ฝ่ายผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติแล้วด้วย
โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศไทย บอกกับผู้สื่อข่าว Voice of America ว่า เจ้าหน้าที่อาวุโสของไทยกำลังหารือกันเพื่อจัดทำนโยบายในเรื่องนี้ขึ้นมา แต่กองทัพบกไทยยังคงไม่เห็นด้วยกับแผนที่จะจัดตั้งค่ายกึ่งถาวรขึ้นสำหรับชาวโรฮิงจะที่ถูกควบคุมตัวอยู่
Phil Robertson รองผู้อำนวยการของ Human Rights Watch ในเอเชีย ให้ความเห็นว่า ประเทศไทยควรรับบทนำและทำงานร่วมกับประเทศอื่นๆในภูมิภาค เช่น มาเลย์เซีย อินโดนีเซีย และอาจจะรวมบรูไนด้วย กดดันให้พม่ายอมรับว่าชาวโรฮิงจะเป็นพลเมืองของตน