การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าในประเทศไทยไม่ประสบความสำเร็จในกรุงเทพฯ และภาคใต้

คณะกรรมการการเลือกตั้งให้ตัวเลขว่า มีประชาชน 440,000 คนไม่สามารถใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งได้เมื่อวันอาทิตย์ เพราะต้องปิดการเลือกตั้งใน 89 เขต จากจำนวนทั้งหมด 375 เขต เฉพาะในกรุงเทพฯ มีคูหาเลือกตั้งเพียง 5 แห่งจากทั้งหมด 50 แห่งที่เปิดรับการลงคะแนนเสียงล่วงหน้าก่อนกำหนดวันเลือกตั้งที่ 2 กุมภาพันธ์ ได้สำเร็จ

นายสมาน เลิศวงศ์รัฐ เจ้าหน้าที่อาวุโสของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ดูจะมีการสนับสนุนโดยทั่วไปให้มีการเลือกตั้ง และว่าประชาชนยังต้องการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งจริงๆ ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แม้จะมีการประท้วงบ้าง แต่ก็ยอมให้ประชาชนลงคะแนนเสียง และคิดว่านายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์จะยืนยันในหลักการ คือให้มีการลงคะแนนเสียงในวันที่ 2 กุมภาพันธ์

เจ้าหน้าที่พรรคเพื่อไทยผู้นี้ ให้ความเห็นด้วยว่า การลงคะแนนเสียงคือเพื่อประชาธิปไตย การไม่ลงคะแนนเสียงคือต่อต้านประชาธิปไตย ซึ่งจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น และจะต้องลงคะแนนเสียงกันตามรัฐธรรมนูญ

ทางฝ่ายโฆษกของกปปส. นายเอกณัฐ พร้อมพันธุ์ กล่าวว่าในขณะที่การเลื่อนการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งออกไป จะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด แต่ฝ่ายค้านก็ยังต้องการให้มีการปฏิรูปทางการเมือง และให้รัฐบาลของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ลาออกไป

โฆษกของกปปส. กล่าวว่า ที่เรียกร้องนั้น ไม่ใช่ให้เลื่อนการเลือกตั้ง แต่ขอให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นแม้จะเลื่อนการเลือกตั้งออกไป ก็ไม่ได้ตอบสนองความต้องการของพวกตน ประชาชนต้องการการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง และก็จะประท้วงต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายนั้น โดยควรเริ่มต้นด้วยการลาออกของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์

ในอีกด้านหนึ่ง นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ สมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์ให้ความเห็นว่า จะต้องมีความอดกลั้น แต่ในขณะเดียวกันก็กล่าวหารัฐบาลว่าละเมิดอำนาจและใช้จ่ายเงินงบประมาณเพื่อนโยบายประชานิยม

สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ผู้นี้ กล่าวไว้ด้วยว่า แต่ละฝ่ายจะต้องถอยหลังกันคนละก้าว และประเมินสถานการณ์ซึ่งกันและกัน และกล่าวแสดงความวิตกว่า ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่ลำบากยากยิ่งที่สุดของประวัติศาสตร์ประเทศไทย เพราะในอดีต ผู้เป็นทรราชในอดีตอาจระงับการเป็นทรราชได้ในทันที ถ้าได้พบเห็นความไม่พึงพอใจของมวลชนอย่างที่ได้เห็นกันในวันนี้