การหารือระหว่างนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทยและนายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีของจีน ที่เดินทางมาเยือนไทยเพียงไม่กี่วันหลังการมาเยือนของนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีของสหรัฐ ได้รับการจับตามองถึงนัยสำคัญที่น่าสนใจ
ในการแถลงร่วมกันของนายกรัฐมนตนีไทยและจีนเพื่อให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ผู้นำทั้งสองประเทศระบุถึงความก้าวหน้าในการเดินหน้าข้อตกลงการค้าหลักระหว่างไทยและจีนตามแผนที่ประกาศไว้ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา และย้ำว่ารัฐบาลทั้งสองจะผลักดันเป้าหมายด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างกันให้มากขึ้น โดยเฉพาะด้านการค้าระหว่างกันที่ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 15 ภายในปีนี้
Wen Jiabao นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า จีนและไทยบรรลุข้อตกลงแผนพัฒนาและการค้าระยะเวลา 5 ปี ที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งในความร่วมมือและการลงทุนระหว่างกันในด้านการเกษตร โครงการด้านการจัดการจราจรและการขนส่ง รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานในการจัดการทรัพยากรน้ำ
ขณะที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวสนับสนุนความร่วมมือระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะในภาคการเกษตร ที่มีพืชผลหลายชนิดถูกนำไปเป็นประเด็นการหารือ เช่นมันสำปะหลัง ยางพารา ผลไม้ โดยเฉพาะข้าว ซึ่งเป็นสินค้าออกสำคัญของไทย
รายงานแจ้งว่าในระหว่างการหารือร่วมกัน จีนตกลงที่จะซื้อข้าวจากไทยมากขึ้นทั้งในส่วนข้าวจากภาคเอกชนและจากภาครัฐโดยในเบื้องต้นจีนตกลงที่จะซื้อข้าวแล้วกว่า 260,000 ตัน ขณะเดียวกันไทยก็คาดหวังที่จะขายข้าวให้กับจีนให้ได้ถึง 5 ล้านตันเพื่อระบายข้าวจำนวนมากที่รัฐบาลไทยรับซื้อจากเกษตรกรตามโครงการรับจำนำข้าวที่รัฐบาลรับซื้อข้าวในราคาสูงกว่าราคาท้องตลาด
รายงานระบุด้วยว่า ก่อนหน้านี้ยอดการซื้อข้าวไทยของจีนนั้นมีปริมาณนั้นลดลงกว่าร้อยละ 50 หลังการประกาศใช้นโยบายการรับจำนำข้าวของรัฐบาลไทยในปีนี้
การทำความตกลงของทั้งไทยและจีนที่มีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังการมาเยือนไทยของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายการมุ่งเอเชียของสหรัฐที่จะให้ความสนใจด้านการค้าและนโยบายด้านต่างประเทศในแถบเอเชียแปซิฟิคมากขึ้น โดยเฉพาะการยกประเด็น ความตกลงว่าด้วยหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ TPP โดยเฉพาะในประเด็นการค้าเสรีกับไทยขึ้นมาหารือ
รศ.สมภพ มานะรังสรรค์ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า เป้าหมายการมาเยือนไทยของผู้นำทั้งสองประเทศนั้นมาจากจุดยืนที่แตกต่างกัน เพราะจีนนั้นมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นอยู่แล้วในภูมิภาคนี้ ขณะที่สหรัฐนั้นเน้นความมั่นคงในภูมิภาคและความแน่นแฟ้นทางเศรษฐกิจด้อยกว่า
รศ.สมภพ มานะรังสรรค์ กล่าวว่า เห็นได้ชัดว่าประธานาธิดี โอบาบา ของสหรัฐฯพยายามขายแนวคิดเกี่ยวกับ ความตกลงว่าด้วยหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ TPP ซึ่งหมายถึงการพยายามกระชับเพื่อเพิ่มความร่วมมือทางเศรษกิจกับประเทศในแถบเอเชียโดยสหรัฐให้มากขึ้น ขณะที่นายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีของจีนพยายามใช้มิติทางวัฒนธรรม การศึกษา และสังคม เช่นการเปิดศูนย์วัฒนธรรมจีนศึกษา ขึ้นในประเทศไทย ซึ่งเป็นวิธีการใช้พลังอำนาจที่นุ่มนวลมากกว่าในการสานสัมพันธ์ที่มากขึ้นในภูมิภาค
นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า แม้หลายประเทศในภูมิภาค เช่นไทยจะพยายามรักษาความสมดุลในการเจรจาต่อรองกับประเทศมหาอำนาจทั้งสองมาตลอดทั้งในเรื่องของการค้า ด้านธุรกิจ และการลงทุน แต่สำหรับในอนาคตแล้วการรักษาความสมดุลในเรื่องเหล่านี้จะทำได้ยากขึ้น
ในการแถลงร่วมกันของนายกรัฐมนตนีไทยและจีนเพื่อให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ผู้นำทั้งสองประเทศระบุถึงความก้าวหน้าในการเดินหน้าข้อตกลงการค้าหลักระหว่างไทยและจีนตามแผนที่ประกาศไว้ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา และย้ำว่ารัฐบาลทั้งสองจะผลักดันเป้าหมายด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างกันให้มากขึ้น โดยเฉพาะด้านการค้าระหว่างกันที่ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 15 ภายในปีนี้
Wen Jiabao นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า จีนและไทยบรรลุข้อตกลงแผนพัฒนาและการค้าระยะเวลา 5 ปี ที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งในความร่วมมือและการลงทุนระหว่างกันในด้านการเกษตร โครงการด้านการจัดการจราจรและการขนส่ง รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานในการจัดการทรัพยากรน้ำ
ขณะที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวสนับสนุนความร่วมมือระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะในภาคการเกษตร ที่มีพืชผลหลายชนิดถูกนำไปเป็นประเด็นการหารือ เช่นมันสำปะหลัง ยางพารา ผลไม้ โดยเฉพาะข้าว ซึ่งเป็นสินค้าออกสำคัญของไทย
รายงานแจ้งว่าในระหว่างการหารือร่วมกัน จีนตกลงที่จะซื้อข้าวจากไทยมากขึ้นทั้งในส่วนข้าวจากภาคเอกชนและจากภาครัฐโดยในเบื้องต้นจีนตกลงที่จะซื้อข้าวแล้วกว่า 260,000 ตัน ขณะเดียวกันไทยก็คาดหวังที่จะขายข้าวให้กับจีนให้ได้ถึง 5 ล้านตันเพื่อระบายข้าวจำนวนมากที่รัฐบาลไทยรับซื้อจากเกษตรกรตามโครงการรับจำนำข้าวที่รัฐบาลรับซื้อข้าวในราคาสูงกว่าราคาท้องตลาด
รายงานระบุด้วยว่า ก่อนหน้านี้ยอดการซื้อข้าวไทยของจีนนั้นมีปริมาณนั้นลดลงกว่าร้อยละ 50 หลังการประกาศใช้นโยบายการรับจำนำข้าวของรัฐบาลไทยในปีนี้
แม้หลายประเทศในภูมิภาค เช่นไทยจะพยายามรักษาความสมดุลในการเจรจาต่อรองกับประเทศมหาอำนาจจีนและสหรัฐ มาตลอด ไม่ว่าจะเป็นด้านการค้า ด้านธุรกิจ และการลงทุน แต่สำหรับในอนาคตแล้วการรักษาความสมดุลในเรื่องเหล่านี้จะทำได้ยากขึ้นรศ. สมภพ มานะรังสรรค์
การทำความตกลงของทั้งไทยและจีนที่มีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังการมาเยือนไทยของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายการมุ่งเอเชียของสหรัฐที่จะให้ความสนใจด้านการค้าและนโยบายด้านต่างประเทศในแถบเอเชียแปซิฟิคมากขึ้น โดยเฉพาะการยกประเด็น ความตกลงว่าด้วยหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ TPP โดยเฉพาะในประเด็นการค้าเสรีกับไทยขึ้นมาหารือ
รศ.สมภพ มานะรังสรรค์ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า เป้าหมายการมาเยือนไทยของผู้นำทั้งสองประเทศนั้นมาจากจุดยืนที่แตกต่างกัน เพราะจีนนั้นมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นอยู่แล้วในภูมิภาคนี้ ขณะที่สหรัฐนั้นเน้นความมั่นคงในภูมิภาคและความแน่นแฟ้นทางเศรษฐกิจด้อยกว่า
รศ.สมภพ มานะรังสรรค์ กล่าวว่า เห็นได้ชัดว่าประธานาธิดี โอบาบา ของสหรัฐฯพยายามขายแนวคิดเกี่ยวกับ ความตกลงว่าด้วยหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ TPP ซึ่งหมายถึงการพยายามกระชับเพื่อเพิ่มความร่วมมือทางเศรษกิจกับประเทศในแถบเอเชียโดยสหรัฐให้มากขึ้น ขณะที่นายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีของจีนพยายามใช้มิติทางวัฒนธรรม การศึกษา และสังคม เช่นการเปิดศูนย์วัฒนธรรมจีนศึกษา ขึ้นในประเทศไทย ซึ่งเป็นวิธีการใช้พลังอำนาจที่นุ่มนวลมากกว่าในการสานสัมพันธ์ที่มากขึ้นในภูมิภาค
นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า แม้หลายประเทศในภูมิภาค เช่นไทยจะพยายามรักษาความสมดุลในการเจรจาต่อรองกับประเทศมหาอำนาจทั้งสองมาตลอดทั้งในเรื่องของการค้า ด้านธุรกิจ และการลงทุน แต่สำหรับในอนาคตแล้วการรักษาความสมดุลในเรื่องเหล่านี้จะทำได้ยากขึ้น