‘โปรจูเนียร์’ หรือ ธิฎาภา สุวัณณะปุระ ได้รับการยกย่องอย่างมากหลังสามารถคว้าแชมป์ กอล์ฟอาชีพหญิง แอลพีจีเอ (LPGA )ได้สำเร็จเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน และถือเป็นนักกอล์ฟไทยคนที่ 3 ที่ได้สัมผัสแชมป์กอล์ฟอาชีพหญิง แต่กว่าที่ฝันของเธอจะเป็นจริง ‘โปรจูเนียร์’ เคยผ่านจุดตกต่ำถึงขนาดเกือบจะเลิกเล่นกีฬากอล์ฟไปแล้ว
7 ปีแห่งการรอคอยแชมป์แรกในการแข่งขันกอล์ฟอาชีพหญิง แอลพีจีเอ (LPGA) ของ ‘โปรจูเนียร์’ หรือ ธิฎาภา สุวรรณปุระ โปรสาวชาวไทยวัย 25 ปี สิ้นสุดลงแล้ว หลังจากสามารถคว้าแชมป์รายการ มาราธอน คลาสสิค ที่รัฐโอไฮโอ ได้สำเร็จเมื่อกลางเดือนกรฏาคมที่ผ่านมา
"..อัดอั้นตันใจค่ะรอมานาน รอจนแบบว่า ก็มีท้อ ว่าจะได้ชนะบ้างไหม ก็มีท้อมาหลายปีเหมือนกัน เพราะว่าเราก็ตีมานานแล้วนะ ก็มีความเชื่อว่าเราน่าจะมีฝีมือพอที่จะติดท็อป 30 ท็อป 20 ต่ออาทิตย์ แต่ปรากฎว่า ผลงานที่ออกมามันไม่ใช่อย่างที่เราคิด และก็เชื่อ และมันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว 7 ปี แล้วมันก็เหมือนกับความรู้สึกที่เชื่อมั่นในตัวเองและคิดว่าตัวเองดีพอ มันก็ลดลงเรื่อยๆ.." ธิฎาภา สุวัณณะปุระ ให้สัมภาษณ์กับวีโอเอ ภาคภาษาไทย
จากที่เคยทำผลงานได้ดีพอใช้ในช่วงปีแรกๆ ที่ได้รับสิทธิ์เข้าแข่งขัน LPGA Tour เมื่อปีพุทธศักราช 2555 แต่หลังจากนั้น เธอกลับทำผลงานได้ไม่ดีนัก และลุ่มๆ ดอนๆ มาตลอดหลายปี
"..การที่เล่นอยู่ในทัวร์ 5-6 ปีที่ผ่านมา เหมือนกับหนูหลงทาง เหมือนกับเราเดินไปที่ไหนที่ซักที่หนึ่งแล้วเหมือนกับมีทุกอย่าง แต่ว่ามันเหลืออะไรซักอย่างที่ hold me back (ดึงเราไว้) เหมือนกับผ่านไปไม่ได้ซักที เหมือนขาดอะไรซักอย่าง คือปกติเป็นคนที่ตีอย่างในแฟร์เวย์ อยู่บนกรีน และมีโอกาสเบอร์ดี้ เยอะมาก แต่ก็จะผิดพลาดนิดๆ หน่อยๆ ตลอดเวลา และพอความผิดพลาดมันเยอะขึ้น พอมองเห็นปัญหา ก็พยายามหาทางแก้มาตลอด แต่พอหาทางแก้แล้วก็จะขาดเรื่องความคิดและจิตใจว่าตัวเองเชื่อมั่นในตัวเองมากแค่ไหน.."
การเข้าร่วมแข่งขันตลอด 120 รายการในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา โปรจูเนียร์ ต้องใช้ทั้งความอดทนและพยายามต่อสู้เพื่อรักษาอันดับในการเล่นใน LPGA Tour ให้ได้ในทุกปี ขณะเดียวกันสั่งสมประสบการณ์เรียนรู้จากความผิดพลาด จนกระทั่งมาถึงจุดลงตัวที่ค้นพบจังหวะการเล่นและลดความกดดันตัวเอง จนนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในช่วง 6 สัปดาห์ก่อนจะคว้าแชมป์
"ตลอด 6 อาทิตย์ที่ผ่านมามีอะไรหลายๆ อย่างเกิดขึ้น อยู่ดีๆ ตัวเองก็เชื่อมั่นว่า เราเป็นนักกอล์ฟที่เก่งนะ เราอยู่ในทัวร์นี้ได้นะ เราทำได้นะ เพียงแค่ร่างกายเราเหนื่อยแค่นั้นเอง เพราะว่าปกติตัวหนูเองเป็นคนที่แบบอยากจะพัฒนาตัวเองตลอด จะเป็นแบบ being so hard on yourself (เคี่ยวเข็ญตัวเองตลอดเวลา) จะบีท (กระตุ้น) ตัวเองตลอด ว่าต้องดีกว่านี้ต้องทำให้ดีกว่านี้ตลอดเวลา ซึ่งบางทีมันจะมีด้านลบคือ ถ้าเราบีทตัวเองตลอดเวลาก็จะไม่ให้พื้นที่ตัวเองรีแลกซ์ (ผ่อนคลาย) เลย"
หลังการแชมป์รายการมาราธอน คลาสสิคด้วยการเอาชนะ 'บริทานีย์ ลินซีคัม' นักกอล์ฟจากสหรัฐฯ ในการเล่นเพลย์ออฟ หลังจากทั้งคู่เสมอกันที่ 14 อันเดอร์พาร์ ตลอดการขับเคี่ยวทั้ง 4วัน
โปรจูเนียร์ บอกว่า ชัยชนะครั้งนี้คือความภูมิใจที่ได้พิสูจน์ความพยายาม พิสูจน์กำลังใจจากคนรอบข้าง ซึ่งให้ความเชื่อมั่นในตัวเธอมาตลอด แม้ก่อนหน้านี้จะเคยได้รับบาดเจ็บจนเกือบจะเลิกเล่นกอล์ฟไปแล้วก็ตาม
" เมื่อปี ค.ศ.2015 ..เหมือนกับขอบคุณเขาด้วยที่เชื่อมาตลอด ว่า หนูทำได้นะ ถึงแม้ว่าจะหลังหัก และพอมันผ่านจุดๆ นั้นที่แบบเหมือนกับตกต่ำที่สุดแล้วเพราะว่าถ้าหลังหักแล้วก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเล่นกอล์ฟอีกหรือเปล่า แต่พอกลับมาเล่นกอล์ฟ เขาก็ยืนยันที่จะสนับสนุนอยุ่ เรากลับมาเล่นกอล์ฟและมาทำตามความฝัน เขาก็สนับสนุนเต็มที่เลย และก็คืออยากตอบแทนที่ช่วยมาตลอด..."
ชัยชนะในครั้งนี้ ทำให้ 'ธิฎาภา สุวัณณะปุระ' กลายเป็นนักกอล์ฟไทยคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ LPGA Tour ได้สำเร็จต่อจากสองพี่น้อง 'เอรียา' และ 'โมรียา' จุฑานุกาล
นักกอล์ฟสาววัย 25 ปี บอกว่า การคว้าแชมป์ครั้งนี้คือการทะลายกำแพงที่คอยจำกัดศักยภาพที่แท้จริงของเธอ และจากนี้ไปเธอเชื่อว่าผลงานของเธอจะดีขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน
"ก่อนที่เราจะชนะทุกครั้งมันจะมีกำแพงกั้นอยู่ เมื่อไหร่ที่เราชนะแล้ว มันจะเหมือนกับได้ทะลายกำแพงนั้นลงสำเร็จ มันไม่มีอะไรที่จะมาหยุดเราแล้ว มันเป็นความเชื่อที่ว่า ถ้าชนะแล้ว ครั้งต่อไปก็จะง่ายขึ้น หนูเชื่ออย่างนั้น และก็คงไม่คิดว่าจะเป็นอะไรที่กดดัน แต่คงคิดว่าจะเล่นกอล์ฟมีความสุขมากขึ้นเยอะเลย"
แชมป์ LPGA แรกของโปรจูเนียร์ ธิฎาภา สุวัณณะปุระ มาถึงแล้วในวันนี้ และเธอเชื่อมั่นว่า ความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ และความเป็นนักสู้ที่มีอยู่ในตัวจะนำทางไปสู่ความสำเร็จครั้งต่อๆ ไป บนเส้นทางกอล์ฟอาชีพของเธอได้อย่างแน่นอน
