เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ชายสัญชาติสหรัฐอาหรับอีเมีนเร็ทส์ชื่อ นูร์ มาห์มูด ถูกจับที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิพร้อมกระเป๋าเดินทางที่บรรจุสัตว์ที่เกรงว่าจะสูญพันธุ์ไว้หลายตัว รวมทั้งลูกเสือดาว 4 ตัว ลูกหมี 1 ตัว ลิง 1 ตัว และชะนี 1 ตัว สัตว์เหล่านั้นถูกมอมยาให้สงบ ขังไว้ในกรงเล็ก ๆ
ตอนแรกคดีนี้ จัดว่าเป็นความสำเร็จในการปราบปราม แต่ต่อมาไม่นาน ระหว่างรอขึ้นศาล นายมาห์มูดหนีประกัน 6,000 ดอลล่าร์ และออกนอกประเทศไปได้
ตำรวจกล่าวว่า ทั้ง ๆ ที่มีข้อหา แต่เขาได้รับหนังสือเดินทางกลับคืน และได้รับอนุญาตให้เดินทางออกจากประเทศไทย
Steven Galster ผู้อำนวยการมูลนิธิ Freeland Foundation องค์กรระหว่างประเทศที่รณรงค์ต่อต้านการลักลอบค้าสัตว์ป่าและค้ามนุษย์ กล่าวว่า เห็นชัดได้ว่า ชายผู้นั้นมีเส้นสายโยงใยทางการเมือง และกรณีดังกล่าว เป็นการตอกย้ำให้เห็นความยากลำบากในการทำงานเพื่อขัดขวางและปราบปรามนักลักลอบค้าสัตว์ป่า เขากล่าวว่า นายมาห์มูด ได้รับความช่วยเหลือจากสถานทูตสหรัฐอาหรับอีเมีนเร็ทส์ และจากนักการเมืองไทยคนหนึ่ง และมีเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ นอกหน่วยงานนั้น ในการหลบหนีการดำเนินคดีออกนอกประเทศไปได้ในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์
เจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐอาหรับอีเมีนเร็ทส์ยอมรับว่า ช่วยให้นายมาห์มูดได้รับหนังสือเดินทางคืน และบอกว่าเป็นการปฏิบัติมาตรฐานสำหรับพลเมืองของประเทศนี้ที่ถูกจับ แต่เจ้าหน้าที่สถานทูตและที่กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอาหรับอีเมีนเร็ทส์ในอาบูดาบี ปฏิเสธที่จะแถลงใด ๆ เกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่ว่า นักการทูตมีบทบาทในการช่วยให้นายมาห์มูดหนีออกจากประเทศไทยไปได้
พันตำรวจโทธรรมวัฒน์แห่งกองบังคับการปราบปรามการทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า ดูเหมือนว่านายมาห์มูดจะอยู่ในข่ายงานลักลอบค้าสัตว์ป่าที่มีเส้นสายโยงใยทางการเมืองและมีทุนดี ซึ่งกำลังเป็นเรื่องที่สอบสวนกันอยู่ เขาบอกว่า นักการทูตก็ถูกสอบสวนด้วยแต่ไม่ได้บอกว่าเป็นชาติใด
พันตำรวจโทธรรมวัฒน์กล่าวว่า นายมาห์มูดคงจะต้องได้รับความช่วยเหลือในการนำสัตว์ป่าผ่านเครื่องตรวจในการรักษาความปลอดภัยและรับกระเป๋าไปหลังการตรวจนั้นแล้ว ขณะนี้ฝ่ายสอบสวนกำลังรอภาพถ่ายการตรวจสอบรักษาความปลอดภัยในวันที่นายมาห์มูดถูกจับจากเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยาน ซึ่งอาจแสดงให้เห็นว่า กระเป๋าบรรจุสัตว์เหล่านั้นผ่านการตรวจไปได้อย่างไร
ตำรวจกล่าวว่า ตอนที่ถูกจับนั้น นายมาห์มูดนำโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดให้เห็นภาพถ่ายตัวเขากับอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นการพยายามแสดงให้เห็นว่า เขามีเส้นสายโยงใยอยู่กับผู้ทรงอิทธิพล
Steven Galster ผู้อำนวยการมูลนิธิ Freeland Foundation กล่าวว่า กรณีดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ในประเทศไทยนั้น คนมีเงินและมีอิทธิพลยังสามารถหลบหนีลอยนวลไปได้แม้จะทำผิดกฏหมาย เขากล่าวว่า แม้ว่านักลักลอบค้าสัตว์ป่าจะถูกจับหลายร้อยคนในระยะสิบปีที่ผ่านมา และมีโทษจำคุกถึง 4 ปี แต่มีอยู่คนเดียวที่ถูกตัดสินลงโทษจำคุก
Steven Galster กล่าวว่า โทษนั้นอ่อนมาก ผู้ถูกพิพากษาลงโทษจำคุก อาจได้กลับออกมา และขายสัตว์ตัวหนึ่ง ๆ ได้เงินนับหมื่นดอลลาร์ ขณะที่โทษปรับขั้นสูงอยู่ที่ราว 1,200 ถึง 1,300 ดอลล่าร์ และเมื่อไม่มีผู้ใดถูกจำขัง ก็นักลักลอบเห็นกันว่า คุ้มที่จะเสี่ยง
ผู้อำนวยการมูลนิธิ Freeland Foundation กล่าวว่า กฏหมายเพิ่มโทษการลักลอบค้าสัตว์ป่านั้น ร่างกันเมื่อ 8 ปีมาแล้ว แต่สมาชิกรัฐสภาของไทยยังจะต้องพิจารณาเพื่อผ่านออกมาใช้บังคับ
เขากล่าวว่า เมื่อการทำผิดนี้ มีโทษสถานเบา ประเทศไทยก็จะยังคงเป็นศูนย์กลางการลักลอบค้าสัตว์ป่าอยู่ต่อไป
