สกุลเงินต่างๆ ในเอเชียมีค่าสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์มาตั้งแต่ช่วงต้นปี ซึ่งรวมถึงเงินเยนญี่ปุ่น เงินริงกิตของมาเลเซีย เงินรูเปียของอินโดนีเซีย เงินดอลล่าร์สิงคโปร์และเงินบาทไทย ซึ่งต่างมีค่าเพิ่มขึ้นราว 3-8% เมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐ โดยสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ค่าเงินต่างๆในเอเชียแข็งขึ้นนั้น เป็นเพราะเศรษฐกิจของหลายประเทศในเอเชียฟื้นตัวอย่างเข้มแข็งจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก ในขณะเดียวกัน ประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐและหลายประเทศในยุโรปยังคงประสบปัญหาเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างล่าช้า
เฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เวลานี้กำลังมีเงินทุนหลั่งไหลเข้ามามากมาย ในขณะที่ผลผลิตโดยรวมเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาสตร์หลายคนเตือนว่าการที่สกุลเงินในเอเชียแข็งค่าขึ้นนั้น กำลังส่งผลด้านลบต่อภาคการส่งออกของเอเชีย เนื่องจากที่ผ่านมาหลายประเทศในเอเชียพึ่งพาการส่งออกเป็นหลักในการกระตุ้นการเจริญเติบโต โดยอาศัยความได้เปรียบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ต่ำกว่า แต่ข้อได้เปรียบที่ว่านี้กำลังหายไปเพราะค่าเงินที่แข็งขึ้น ส่งผลให้สินค้าจากประเทศเหล่านั้นมีราคาสูงขึ้นเมื่อส่งไปขายในต่างประเทศ เมื่อประกอบการที่ตลาดสำคัญๆคือประเทศพัฒนาแล้วยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ปัญหาของบรรดาผู้ส่งออกจึงเริ่มปรากฎชัดเจนขึ้น
คุณ Shamika Sirimanne นักเศรษฐศาสตร์ขององค์การสหประชาชาติที่ประจำอยู่ในกรุงเทพมหานคร กล่าวว่าประเทศต่างๆในเอเชียจะเผชิญการแข่งขันรุนแรงขึ้น และหากอัตราแลกเปลี่ยนยังคงสูงเช่นนี้จะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ต่อผู้ส่งออกได้ ทางด้านธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่า การไหลเข้าของเงินทุนและการลงทุนคือปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินบาทสูงขึ้นมากกว่า 6% เมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์ โดยขณะนี้ภาคการส่งออกได้เริ่มชะลอตัวลงแล้วหลังจากที่เติบโตสูงมากเมื่อช่วงต้นปี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะต้องเผชิญการแข่งขันจากประเทศคู่แข่งสำคัญอย่างเช่นเวียดนาม
คุณวิชัย ศิริประเสริฐ ประธานกิตติมศักดิ์แห่งสมาคมผู้ค้าข้าวไทยให้ความเห็นว่า เนื่องจากไทยส่งออกมาก เมื่อค่าเงินบาทแข็งขึ้นจึงส่งผลกระทบต่อสินค้าส่งออกทุกประเภทรวมทั้งข้าวด้วย คุณวิชัยเชื่อว่าหากค่าเงินบาทมีเสถียรภาพ ไม่อ่อนเกินไปและไม่แข็งเกินไปจะเป็นประโยชน์มากที่สุด นอกจากนี้คุณวิชัยยังยกตัวอย่างการที่เวียดนามพยายามกดค่าเงินของตนในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เวียดนามสามารถเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดข้าวโลกได้ ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกและประเทศทางตะวันตกก็ต่างโจมตีจีนว่าพยายามควบคุมค่าเงินหยวนให้ต่ำกว่าความเป็นจริงเพื่อหวังประโยชน์ด้านการส่งออกเช่นกัน
บรรดานักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าธุรกิจการส่งออกของเอเชียกำลังเผชิญส่วนต่างของผลกำไรที่ลดลงในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ก่อให้เกิดความกังวลตามมาถึงปัญหาการว่างงานและอัตราการเจริญเติบโตที่อาจลดลงทั่วเอเชีย
