ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ผู้บริโภคในอเมริกาอาศัยสื่อสังคมยุคใหม่สร้างความกดดันให้ห้างร้านค้าปลีกรับรู้ถึงความไม่พอใจต่อสินค้าที่ตอกย้ำความแตกต่างทางเพศได้สำเร็จ


ผู้บริโภคในอเมริกาอาศัยสื่อสังคมยุคใหม่สร้างความกดดันให้ห้างร้านค้าปลีกรับรู้ถึงความไม่พอใจต่อสินค้าที่ตอกย้ำความแตกต่างทางเพศได้สำเร็จ
ผู้บริโภคในอเมริกาอาศัยสื่อสังคมยุคใหม่สร้างความกดดันให้ห้างร้านค้าปลีกรับรู้ถึงความไม่พอใจต่อสินค้าที่ตอกย้ำความแตกต่างทางเพศได้สำเร็จ

ผู้บริโภคในอเมริกาสามารถใช้สื่อสังคมยุคใหม่สร้างความกดดันให้ห้างร้านค้าปลีกรับรู้ถึงความไม่พอใจของพวกตนต่อสินค้าที่ตอกย้ำความแตกต่างทางเพศได้สำเร็จ

ผู้บริโภคในอเมริกาสามารถใช้สื่อสังคมยุคใหม่สร้างความกดดันให้ห้างร้านค้าปลีกรับรู้ถึงความไม่พอใจของพวกตนต่อสินค้าที่ตอกย้ำความแตกต่างทางเพศได้สำเร็จ

การรณรงค์ในเรื่องนี้ เริ่มต้นเมื่อคุณ Lauren Todd เห็นโฆษณาเสื้อยืดคอกลมที่มีข้อความพิมพ์ไว้ข้างหน้าว่า “I’m too pretty to do homework” หรือ “ฉันสวยเกินกว่าจะต้องทำการบ้าน” กล่าวได้ว่า คุณ Lauren เห็นแล้ว เลือดขึ้นหน้า และก็ตัดสินใจว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างหนึ่ง เธอร่างคำร้องและส่งขึ้นเว็บไซต์ chang.org

คุณ Shelby Knox ผู้อำนวยการฝ่ายสิทธิสตรีของ change.org บอกว่า นับตั้งแต่คุณ Lauren ส่งคำร้องเข้าไปที่เว็บไซต์ จนถึงเวลาที่ห้าง J. C. Penney ตัดสินใจยุติการขายเสื้อยืดคอกลมนั้น ใช้เวลารวมทั้งหมดราวๆ 10 ชั่วโมง มีผู้ร่วมลงนามในคำร้องมากกว่าสองพันคน และในช่วงหนึ่ง มีผู้คนส่งข้อความมากกว่า 400 ข้อความต่อหนึ่งนาที เกี่ยวกับเรื่องนี้ทาง Twitter

ห้าง J. C. Penney และผู้บริหารไม่มีข้อคิดเห็นตอบโต้ และไม่ยอมบอกว่าใครเป็นผู้ออกแบบเสื้อยืดตัวนี้

แต่นักออกแบบ John None ซึ่งทำงานกับห้างใหญ่ๆหลายแห่ง บอกว่า เขาชอบใช้คำว่า “pretty” หรือ “สวย” หรือ “princess” หรือ ”เจ้าหญิง” กับเสื้อผ้าสำหรับเด็กผู้หญิง เพราะทำง่าย ขายง่าย และก็เป็นส่วนหนึ่งที่ปลูกฝังอยู่ในวัฒนธรรมสังคม

นักออกแบบผู้นี้บอกไว้ด้วยว่า เขาและเพื่อนร่วมอาชีพได้ความคิดในการทำงานจากบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือไม่ก็จากรายการโทรทัศน์

นักออกแบบเสื้อ John Noone บอกว่า ถ้าคุณเห็นว่าตลกดี และนักออกแบบและคนซื้อเห็นว่าตลก ห้างร้านก็จะนำไปวางขาย

แต่ตอนนี้ ถ้าผู้บริโภคไม่เห็นว่าตลก ก็มีทางเลือกที่จะทำอะไรได้ นอกจากการคว่ำบาตร ไม่ซื้อของ

อย่างไรก็ตาม คุณ Ben Rattray ผู้บริหารเว็บไซต์ change.org บอกว่า การรณรงค์ทางอินเทอร์เน็ต จะไม่ได้ผลเสมอไป ที่คราวนี้ประสบความสำเร็จก็เพราะกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มสำคัญร่วมกันรณรงค์ต่อต้าน

ผู้บริหาร change.org บอกว่า บริษัทห้างร้านจะให้ความสนใจมาก ถ้ากลุ่มคนที่เกี่ยวข้องเป็นคุณแม่ ซึ่งควบคุมกระเป๋าสตางค์ในครอบครัว

XS
SM
MD
LG