งานสำรวจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูกชายและลูกสาว โดยเฉพาะตอนลูกโตๆกันแล้ว ชี้ให้เห็นว่า ถ้าลูกที่โตแล้ว อยากจะย้ายกลับเข้าบ้านอีกครั้งหนึ่ง พ่อและแม่มีความเต็มอกเต็มใจที่จะรับลูกชายกลับเข้าบ้านมากกว่าลูกสาวถึงสามเท่า
ในยามที่เศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก โดยเฉพาะในโลกตะวันตกที่ยังฟื้นตัวไม่ได้เต็มที่นี้ เรื่องลูกโตแล้วย้ายกลับไปอาศัยพ่อแม่ เพราะตกงานมีปรากฏให้เห็นทั่วไป สำหรับลูกชายนั้น รายงานข่าวตั้งชื่อเรียกว่า “Boomerang” sons หรือลูกชายที่ขว้างออกไปแล้ว ไม่พ้นอก ย้อนกลับมาเหมือนกับอาวุธ Boomerang ของคนพื้นเมืองในออสเตรเลีย
ผลการสำรวจยังแสดงให้เห็นด้วยว่า เหตุผลที่แม่ๆทั้งหลายอ้าแขนต้อนรับลูกชายกลับบ้าน ก็เพราะมีความเป็นไปได้มากกว่าที่ลูกชายจะให้ค่าบ้าน ช่วยทำงานบ้าน และอุตส่าห์นั่งฟังคำแนะนำของพ่อแม่ในเรื่องอาชีพการงานและความรัก ลูกสาวนั้นเทียบไม่ติด โดยนักสำรวจพบว่า นอกจากจะไม่ช่วยงานบ้านแล้ว ยังมีความเป็นไปได้น้อยกว่าที่จะให้ค่าบ้าน
มากกว่าครึ่งหนึ่งของแม่ๆที่ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า ดีใจที่ลูกชายกลับไปอยู่บ้าน และก็ยอมรับว่าตามใจลูกชาย ในขณะที่เพียง 35% หรือมากกว่าหนึ่งในสามเล็กน้อย บอกว่าให้การดูแลอย่างเดียวกันแก่ลูกสาว
แม่ยังพอใจที่จะทำกับข้าวให้ลูกชาย ซักและรีดเสื้อผ้าให้ รวมทั้งยังบริการขับรถพาลูกชายไปทำธุระได้ด้วย และที่สำคัญคือ แม่เต็มใจยัดเยียดเงินให้ลูกชายใช้ มากกว่าให้ลูกสาว
แม่สี่ในสิบคนยอมรับว่าให้เงินลูกชาย โดยเฉลี่ยราวๆ สามหมื่นบาท ในช่วงที่ลูกชายกลับไปอยู่ด้วย ในขณะที่ลูกสาวต้องขอยืม
งานสำรวจครั้งนี้ทำในประเทศอังกฤษ และเป็นผลของการสอบถามหนุ่มสาวอายุเกินกว่า 18 ปีขึ้นไปที่ยังอยู่ในบ้านของพ่อแม่ ส่วนพ่อแม่ที่ร่วมการสำรวจนั้น มีจำนวนทั้งหมด 1500 คู่
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเต็มใจและจะดีใจแค่ไหนที่ลูกชายย้ายกลับเข้าบ้าน หรือไม่ยอมย้ายออกไปตั้งแต่ต้น ผลการสำรวจกล่าวไว้ด้วยว่า พ่อแม่ทั้งหลายกังวลว่า ลูกจะไม่รู้จักพึ่งตัวเอง และจะไม่ย้ายออกไปเลย
และหนึ่งในสามยอมรับว่า การมีลูกโตแล้วอยู่ในบ้าน หมายความว่ามีการโต้เถียงกันมากขึ้น และ 16% บอกว่า อาจจะหาบ้านที่เล็กลงอยู่ จะได้ไม่มีลูกกวนใจ