69% ของผู้ติดเชื้อไวรัส HIV ที่ทำให้เป็นโรคเอดส์อยู่ในตอนใต้ของทะเลทราย Sahara ในทวีปแอฟริกา เฉพาะในประเทศแอฟริกาใต้ 17% ผู้มีอายุบรรลุนิติภาวะ ติดเชื้อ HIV
วิธีรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์นั้น มีหลากหลายรวมทั้งการแจกถุงยางอนามัยที่ประเทศไทยทำชื่อเสียงไว้ทั่วโลก
สำหรับแอฟริกาใต้นั้น ศูนย์วิจัยสุขภาพของมูลนิธิ Johns Hopkins คิดสร้างรายการโทรทัศน์ขึ้นมาเพื่อให้ความรู้และกระตุ้นความคิดเห็นของผู้คนในเรื่องนี้ และปรากฎว่าเป็นรายการที่มีผู้ชมติดตามกันมาก
ตอนหนึ่งของ ‘Internexions’ รายการทีวีที่ว่านี้ เป็นเรื่องของเจ้าสาวกำลังจะเข้าพิธีแต่งงาน และได้ยินข่าวทางวิทยุว่า อดีตแฟนหนุ่ม DJ ป่วยเป็นโรคเอดส์ใกล้เสียชีวิต คำถามก็คือเธอจะทำอย่างไร ควรจะบอกให้เจ้าบ่าวรับรู้อดีตของเธอหรือไม่
หนึ่งในสามของผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 20 ถึง 25 ปีในแอฟริกาใต้ ติดเชื้อไวรัส HIV
Harriet Gavshon ผู้สร้าง‘Internexions’ บอกว่า สถานการณ์อย่างนี้คือตัวขับเคลื่อนการแพร่ระบาดเชื้อ HIV ที่ทำให้เป็นโรคเอดส์
เธออธิบายว่า ความคิดของรายการ คือพยายามจะอธิบายให้คนหนุ่มคนสาวเข้าใจว่า เมื่อมีความสัมพันธ์ทางเพศกับใครคนใดคนหนึ่งแล้ว หมายความว่าได้นำตนเข้าไปผูกพันอยู่ในเครือข่ายของผู้คนนับล้านๆคนที่ไม่เคยรู้จักเลย หรือ sexual netwokเพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่จะต้องปกป้องตนเอง
ผู้สร้างรายการทีวีชุดนี้ยอมรับว่า ‘Internexions’ ไม่แตกต่างไปจากละครน้ำเน่าทั้งหลายที่นำเสนอเรื่องของความรัก เพศสัมพันธ์ และความลับที่รู้กันทั่ว แต่การเล่าเรื่องต่างกันตรงที่ ‘Internexions’ ไม่อาศัยตัวละครเป็นหลัก แต่ติดตามความคืบหน้าของเชื้อไวรัสที่แพร่ไปในสังคม ที่อาจจะกระโดดจากเขตนาครไปสู่ชนบท เข้าไปในเรือนจำ หรือไนท์คลับก็ได้
แนวการเล่าเรื่องที่แปลกออกไปจากปกติธรรมดา เป็นจุดเด่นที่ช่วยให้ ‘Internexions’ ได้รับรางวัล Peabody ซึ่งถือว่าเป็นรางวัลที่มีเกียรติอันหนึ่งในสหรัฐ ในปีที่แล้ว
Lusanda Mahlasela เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิ Johns Hopkins บอกว่า ที่มีคนติดตามชม ‘Internexions’ ก็เพราะรายการสื่อข้อความ โดยไม่ตั้งตัวสั่งสอน
เธอบอกว่าแนวคิดนี้เป็นเรื่องที่ใส่ใจกันมาก และระมัดระวังที่จะให้ข้อความโดยไม่แสดงความเห็นตำหนิติเตียน
Catherine Chinyani ซึ่งทำงานเป็นคนเลี้ยงเด็กอยู่ใน Johannesburg เป็นผู้ชมคนหนึ่งในจำนวน 3 – 4.5 ล้านคนที่ติดตามดูทุกสัปดาห์ เธอเล่าถึงรายการตอนหนึ่งที่ถูกใจเธอมาก
เธอเล่าว่า มีพี่เลี้ยงเด็กที่ตกหลุมรักกับนายจ้าง และมีเพศสัมพันธ์กับนายจ้างโดยที่นายจ้างไม่ใช้ถุงยางอนามัย และในเวลาต่อมา พี่เลี้ยงเด็กคนนั้นติดเชื้อ HIV
ข้อความที่ ‘Internexions’ ต้องการสื่อถึงผู้ชมคือการรักษาสุขภาพ ให้ข้อมูลในทางปฏิบัติเกี่ยวกับโรคเอดส์ วิธีหลีกเลี่ยงและการบำบัดรักษา และยังกระตุ้นให้มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโรคเอดส์อย่างแพร่หลายอีกด้วย เห็นได้จากการแสดงความเห็นที่ปรากฎทาง social networks ต่างๆ
Catherine Chinyani บอกว่า รายการทีวีชุดนี้ทำให้เธอคิดถึงลูกชายของเธอ
เธอบอกว่า เธอมีลูกชายกับเขาคนหนึ่ง และรายการทีวีชุดนี้ทำให้เธอคิดว่า เธอควรพูดคุยกับลูกชายในเรื่องนี้อย่างจริงจัง
แอฟริกาใต้มีความก้าวหน้าในการรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์ เวลานี้มีผู้ป่วยที่สามารถได้รับยาต้านเอดส์แล้ว 1 ล้าน 7 แสนคน แต่ก่อนจะไปรับการรักษาพยาบาลได้ ก็ต้องรู้ตัวเสียก่อนว่า ติดเชื้อ HIV ที่ทำให้เป็นโรคเอดส์หรือไม่
ซึ่งนั่นก็คือ ข้อความที่ ‘Internexions’ ต้องการสื่อให้ผู้ชมรับฟังและเข้าใจ
วิธีรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์นั้น มีหลากหลายรวมทั้งการแจกถุงยางอนามัยที่ประเทศไทยทำชื่อเสียงไว้ทั่วโลก
สำหรับแอฟริกาใต้นั้น ศูนย์วิจัยสุขภาพของมูลนิธิ Johns Hopkins คิดสร้างรายการโทรทัศน์ขึ้นมาเพื่อให้ความรู้และกระตุ้นความคิดเห็นของผู้คนในเรื่องนี้ และปรากฎว่าเป็นรายการที่มีผู้ชมติดตามกันมาก
ตอนหนึ่งของ ‘Internexions’ รายการทีวีที่ว่านี้ เป็นเรื่องของเจ้าสาวกำลังจะเข้าพิธีแต่งงาน และได้ยินข่าวทางวิทยุว่า อดีตแฟนหนุ่ม DJ ป่วยเป็นโรคเอดส์ใกล้เสียชีวิต คำถามก็คือเธอจะทำอย่างไร ควรจะบอกให้เจ้าบ่าวรับรู้อดีตของเธอหรือไม่
หนึ่งในสามของผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 20 ถึง 25 ปีในแอฟริกาใต้ ติดเชื้อไวรัส HIV
Harriet Gavshon ผู้สร้าง‘Internexions’ บอกว่า สถานการณ์อย่างนี้คือตัวขับเคลื่อนการแพร่ระบาดเชื้อ HIV ที่ทำให้เป็นโรคเอดส์
เธออธิบายว่า ความคิดของรายการ คือพยายามจะอธิบายให้คนหนุ่มคนสาวเข้าใจว่า เมื่อมีความสัมพันธ์ทางเพศกับใครคนใดคนหนึ่งแล้ว หมายความว่าได้นำตนเข้าไปผูกพันอยู่ในเครือข่ายของผู้คนนับล้านๆคนที่ไม่เคยรู้จักเลย หรือ sexual netwokเพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่จะต้องปกป้องตนเอง
ผู้สร้างรายการทีวีชุดนี้ยอมรับว่า ‘Internexions’ ไม่แตกต่างไปจากละครน้ำเน่าทั้งหลายที่นำเสนอเรื่องของความรัก เพศสัมพันธ์ และความลับที่รู้กันทั่ว แต่การเล่าเรื่องต่างกันตรงที่ ‘Internexions’ ไม่อาศัยตัวละครเป็นหลัก แต่ติดตามความคืบหน้าของเชื้อไวรัสที่แพร่ไปในสังคม ที่อาจจะกระโดดจากเขตนาครไปสู่ชนบท เข้าไปในเรือนจำ หรือไนท์คลับก็ได้
แนวการเล่าเรื่องที่แปลกออกไปจากปกติธรรมดา เป็นจุดเด่นที่ช่วยให้ ‘Internexions’ ได้รับรางวัล Peabody ซึ่งถือว่าเป็นรางวัลที่มีเกียรติอันหนึ่งในสหรัฐ ในปีที่แล้ว
Lusanda Mahlasela เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิ Johns Hopkins บอกว่า ที่มีคนติดตามชม ‘Internexions’ ก็เพราะรายการสื่อข้อความ โดยไม่ตั้งตัวสั่งสอน
เธอบอกว่าแนวคิดนี้เป็นเรื่องที่ใส่ใจกันมาก และระมัดระวังที่จะให้ข้อความโดยไม่แสดงความเห็นตำหนิติเตียน
Catherine Chinyani ซึ่งทำงานเป็นคนเลี้ยงเด็กอยู่ใน Johannesburg เป็นผู้ชมคนหนึ่งในจำนวน 3 – 4.5 ล้านคนที่ติดตามดูทุกสัปดาห์ เธอเล่าถึงรายการตอนหนึ่งที่ถูกใจเธอมาก
เธอเล่าว่า มีพี่เลี้ยงเด็กที่ตกหลุมรักกับนายจ้าง และมีเพศสัมพันธ์กับนายจ้างโดยที่นายจ้างไม่ใช้ถุงยางอนามัย และในเวลาต่อมา พี่เลี้ยงเด็กคนนั้นติดเชื้อ HIV
ข้อความที่ ‘Internexions’ ต้องการสื่อถึงผู้ชมคือการรักษาสุขภาพ ให้ข้อมูลในทางปฏิบัติเกี่ยวกับโรคเอดส์ วิธีหลีกเลี่ยงและการบำบัดรักษา และยังกระตุ้นให้มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโรคเอดส์อย่างแพร่หลายอีกด้วย เห็นได้จากการแสดงความเห็นที่ปรากฎทาง social networks ต่างๆ
Catherine Chinyani บอกว่า รายการทีวีชุดนี้ทำให้เธอคิดถึงลูกชายของเธอ
เธอบอกว่า เธอมีลูกชายกับเขาคนหนึ่ง และรายการทีวีชุดนี้ทำให้เธอคิดว่า เธอควรพูดคุยกับลูกชายในเรื่องนี้อย่างจริงจัง
แอฟริกาใต้มีความก้าวหน้าในการรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์ เวลานี้มีผู้ป่วยที่สามารถได้รับยาต้านเอดส์แล้ว 1 ล้าน 7 แสนคน แต่ก่อนจะไปรับการรักษาพยาบาลได้ ก็ต้องรู้ตัวเสียก่อนว่า ติดเชื้อ HIV ที่ทำให้เป็นโรคเอดส์หรือไม่
ซึ่งนั่นก็คือ ข้อความที่ ‘Internexions’ ต้องการสื่อให้ผู้ชมรับฟังและเข้าใจ
