Dr. Frank Hu แห่ง Harvard School of Public Health หนึ่งในผู้จัดทำงานวิจัยชิ้นนี้ชี้ว่า เนื้อแดงทั้งแบบผ่านกระบวนการแปรรูปแล้วหรือยังไม่ผ่านต่างมีส่วนเกี่ยวข้องกับอัตราการเสียชีวิต โดยเนื้อแดงที่ผ่านการแปรรูปแล้วนั้นเพิ่มความเสี่ยงในการเสียชีวิตมากกว่าเนื้อแดงที่ยังไม่ผ่านการแปรรูป
รายงานวิจัยชิ้นนี้ศึกษากลุ่มตัวอย่าง 120,000 คนและได้ข้อสรุปว่าผู้ที่รับประทานเนื้อแดงแบบที่ยังไม่ผ่านการแปรรูปเช่นเนื้อสเต็กหรือเนื้อบดเป็นประจำทุกวัน วันละประมาณ 85 กรัม มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นราว 13% แต่หากเนื้อแดงนั้นเป็นเนื้อที่ผ่านกระบวนการแปรรูปแล้วเช่นเนื้อเบคอนหรือไส้กรอก แม้จะรับประทานในปริมาณน้อยกว่าคือเพียง 28 กรัมต่อวัน แต่ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 20% โดยสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตนั้นเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงโรคมะเร็งและเบาหวาน
นักวิจัยยังไม่ทราบแน่ชัดว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้เนื้อแดงมีอันตรายสูงต่อสุขภาพ แต่สันนิษฐานว่าอาจเป็นเพราะธาตุเหล็ก กรดไขมันอิ่มตัว สารกันบูดหรือแม้แต่สารเคมีที่เกิดจากการปรุงอาหารด้วยอุณหภูมิสูง นอกจากนี้ Dr. Frank Hu ยังบอกด้วยว่าอันตรายหรือความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการทานเนื้อแดงเป็นประจำนั้น สามารถเกิดได้ในเวลาอันสั้น ไม่ต้องรอนานเป็นสิบๆปีอย่างที่เชื่อกัน
คุณ Betsy Booren ผอ.ฝ่ายวิทยาศาสตร์ของมูลนิธิสมาคมผู้ผลิตเนื้อสัตว์อเมริกัน กล่าววิจารณ์แนวทางการศึกษาและเก็บข้อมูลของงานวิจัยชิ้นนี้ ซึ่งอาศัยข้อมูลจากความจำของกลุ่มตัวอย่างเป็นหลัก และว่าพฤติกรรมการรับประทานอาหารเป็นเพียงส่วนหนึ่งของอันตรายด้านสุขภาพเท่านั้น รวมทั้งปัจจัยอื่นๆเช่น โรคอ้วน น้ำหนักตัวเกิน การออกกำลังกายและกรรมพันธุ์ แต่ไม่ใช่ลักษณะอาหารนั้น
อย่างไรก็ตาม Dr. Frank Hu ชี้แจงว่างานวิจัยชิ้นนี้มิได้มีเป้าหมายให้ทุกคนเลิกทานเนื้อ เพราะจริงๆแล้วยังมีเนื้อสัตว์อื่นๆที่ทดแทนเนื้อแดงได้ นักวิจัยผู้นี้ระบุว่า เนื้อปลา เนื้อสัตว์ปีก ถั่ว และผลิตภัณฑ์นมเนยต่างๆ คือแหล่งโปรตีนที่ทดแทนเนื้อแดงได้เป็นอย่างดีและมีอันตรายต่อสุขภาพน้อยกว่า แต่ถ้าหากยังไม่สามารถตัดใจจากเนื้อแดงได้ ก็ควรหลีกเลี่ยงเนื้อแดงที่ผ่านการแปรรูปแล้ว และควรรับประทานเพียง 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น
