ลิ้งค์เชื่อมต่อ

กองทัพเรือสหรัฐและอุตสาหกรรมการบินกำลังนำเชื้อเพลิงชีวภาพมาใช้กับเครื่องบินไอพ่น


กองทัพเรือสหรัฐและอุตสาหกรรมการบินกำลังนำเชื้อเพลิงชีวภาพมาใช้กับเครื่องบินไอพ่น
กองทัพเรือสหรัฐและอุตสาหกรรมการบินกำลังนำเชื้อเพลิงชีวภาพมาใช้กับเครื่องบินไอพ่น

กองทัพเรือสหรัฐและอุตสาหกรรมการบินเชิงพาณิชย์กำลังพยายามนำเชื้อเพลิงที่ผลิตจากต้นคาเมไลน่ามาใช้กับเครื่องบินไอพ่น ปัจจุบันการนำคาเมไลน่ามาใช้ในการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพกำลังได้รับความสนใจมากขึ้นแม้ต้นทุนการผลิตจะยังสูงอยู่

ขณะนี้กองทัพเรือสหรัฐและอุตสาหกรรมการบินเชิงพาณิชย์กำลังพยายามนำเชื้อเพลิงที่ผลิตจากพืชชนิดหนึ่งมาใช้กับเครื่องบินไอพ่น พืชที่ว่านั้นคือ camelina ซึ่งเป็นพืชให้น้ำมันตระกูลเดียวกับ canola มีลักษณะเป็นกอ ดอกสีเหลือง ในสมัยโบราณมีการนำน้ำมันจากต้น camelina นี้มาใช้เป็นน้ำมันสำหรับตะเกียงหรือน้ำมันหล่อลื่น ปัจจุบันการนำ camelina มาใช้ในการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพนั้นได้รับความสนใจมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้

เมื่อปีที่แล้วสายการบิน Japan Airlines ได้เริ่มทดสอบเที่ยวบินที่ใช้เชื้อเพลิงผสม 50% จากน้ำมัน camelina นี้เป็นผลสำเร็จเป็นครั้งแรก ล่าสุดกองทัพเรือสหรัฐร่วมกับอุตสาหกรรมการบินเชิงพาณิชย์พยายามนำเชื้อเพลิงชีวภาพจาก camelina มาใช้ผสมเป็นเชื้อเพลิงให้แก่เครื่องบินไอพ่น F-18 ซึ่งจากการทดสอบพบว่า แทบไม่มีความแตกต่างระหว่างเชื้อเพลิงปิโตรเลียมกับเชื้อเพลิงจาก camelina

คุณ Rick Kamin หัวหน้าโครงการทดสอบเชื้อเพลิงทางเลือกของกองทัพเรือสหรัฐบอกว่าจากการทดสอบทุกๆครั้ง เห็นได้ว่าเชื้อเพลิงผสมจากต้น camelina ให้ประสิทธิผลไม่ด้อยกว่าเชื้อเพลิงปิโตรเลียม และบางครั้งอาจจะดีกว่าเสียด้วย

อย่างไรก็ตาม การนำเชื้อเพลิงชีวภาพชนิดนี้มาใช้ในเชิงพาณิชย์นั้นยังคงมีอุปสรรคไม่น้อย ประการแรกคือมีเกษตรกรอเมริกันไม่มากนักที่ปลูกพืชชนิดนี้ ทำให้ต้นทุนการผลิตเชื้อเพลิงจาก camelina นั้นแพงมาก โดยกองทัพเรือสหรัฐมีค่าใช้จ่ายตกประมาณ 15 ดอลล่าร์ต่อลิตรสำหรับเชื้อเพลิง camelina ที่นำมาใช้ในการทดลองบิน เปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายเพียง 1 ดอลล่าร์ต่อลิตรสำหรับเชื้อเพลิงปิโตรเลียม จึงยังเป็นเรื่องยากที่จะนำมาใช้แทนเชื้อเพลิงปิโตรเลียมในทางพาณิชย์

อีกประการหนึ่ง คุณ Jim Bartis ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานทางเลือกแห่งสถาบันวิจัย Rand Corporation ชี้ว่า การปลูกต้น camelina และพืชอื่นๆที่นำมาใช้ผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพอย่างกว้างขวาง จะส่งผลให้เกิดการถากถางพื้นที่ทางการเกษตรมากขึ้น คุณ Bartis กล่าวว่า เมื่อปลูกพืชที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงบนผืนดินที่ปัจจุบันใช้ปลูกพืชที่เป็นอาหาร ต่อไปก็ต้องมีการถางพื้นที่ป่าเพื่อนำไปปลูกพืชที่ใช้เป็นอาหารมากขึ้น การถางพื้นที่ป่านั้นเชื่อว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ก๊าซที่ก่อให้เกิดปรากฎการณ์เรือนกระจกมีปริมาณเพิ่มขึ้น ซึ่งผลลบที่เกิดขึ้นนี้อาจลบล้างประโยชน์ที่ควรได้จากการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ

อีกด้านหนึ่ง ผู้ที่สนับสนุนเชื้อเพลิง camelina แย้งว่าปัญหาดังกล่าวอาจหลีกเลี่ยงได้เนื่องจากต้น camelina สามารถปลูกในช่วงหลังจากเก็บเกี่ยวพืชเศรษฐกิจอื่นๆไปแล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่เกษตรกรมักจะทิ้งที่ดินร้างไว้เฉยๆ ทางด้านคุณ Scott Johnson ประธานบริษัทเชื้อเพลิงชีวภาพ Sustainable Oils เชื่อว่า เมื่อมีการปลูกพืชชนิดนี้มากขึ้น ต้นทุนการผลิตเชื้อเพลิงจาก camelina ในอนาคตก็น่าจะลดลง อย่างไรก็ตามคุณ Johnson เชื่อด้วยว่าลำพังแค่ต้น camelina ยังไม่สามารถแก้ปัญหาพึ่งพาน้ำมันของสหรัฐได้

คุณ Johnson กล่าวว่าทั้ง camelina และเชื้อเพลิงชีวภาพอื่นๆเป็นแค่ส่วนหนึ่งของแผนการใหญ่ในการแก้ไขปัญหาด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมในสหรัฐ และเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการพุ่งทะยานดังเช่นเครื่องบินไอพ่นที่ใช้เชื้อเพลิงชีวภาพชนิดนี้

XS
SM
MD
LG