นักลงทุนแสดงความกังวลต่อทิศทางการอ่อนตัวลงของเงินปอนด์ของอังกฤษ เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นหลัง Brexit หรือการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ
ก่อนหน้าที่ตลาดการเงินรับข่าวการลงประชามติ Brexit ในเดือนมิถุนายน แรงขายเงินปอนด์สเตอริงของอังกฤษกดดันค่าเงิน และต่อเนื่องมาถึงเดือนที่แล้ว ที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินปอนด์มาอยู่ที่ 1.13 ดอลลาร์ ซึ่งถือว่าเป็นจุดต่ำสุดใน 31 ปี
แม้ว่าในสัปดาห์นี้ปอนด์ขยับขึ้นมาที่ 1.22 ดอลลาร์ แต่ระดับดังกล่าวยังถือว่าอ่อนค่าอยู่
นักวิเคราะห์กล่าวว่าเงินปอนด์อาจร่วงต่อเนื่อง ท่ามกลางความกังวลหลังอังกฤษไม่ได้เป็นสมาชิกอียูต่อไป นักลงทุนของกองทุน hedge fund และนักเก็งกำไรอื่นๆ หลายคนลดการถือครองเงินอังกฤษ ในระดับการขายเงินปอนด์ที่ไม่เคยเห็นตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจโลก 8 ปีก่อน
ธนาคาร HSBC ประเมินว่าค่าเงินปอนด์น่าจะแตะระดับ 1.18 ดอลลาร์ กลางปีหน้า
ตัวเลขที่น่าตระหนกกว่านั้นมาจากนักลงทุนรายใหญ่ Jim Rogers ผู้ร่วมก่อนตั้งกองทุน Quantum Fund กับ George Soros เขาคาดว่าปอนด์อาจมีค่าเท่ากันกับดอลลาร์ หรืออ่อนกว่านั้นในอีกสามถึงสี่ปีจากนี้
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี อังกฤษ Theresa May และคณะรัฐมนตรีของเธอ ไม่คิดว่าการอ่อนค่าลงจะยืดเยื้อยาวนาน และว่าการซื้อขายค่าเงินมีทั้งขาขึ้นและลงเป็นธรรมดา