สำนักงานการบินสหรัฐ (US Federal Aviation Administration) เปิดเผยผลการศึกษาวิเคราะห์อุบัติเหตุเครื่องบินที่พบว่าสายการบินต่างๆพึ่งพาระบบการบินอัตโนมัติมากเกินไปซึ่งอาจนำไปสู่สถานการณ์อันตรายได้
ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินเรียกอาการนี้ว่าการเสพติดระบบการบินอัตโนมัติ ซึ่งเป็นการพึ่งพาระบบคอมพิวเตอร์ในการควบคุมการบินเครื่องบินโดยสารมากเกินไป แม้ว่าเทคโนโลยีนี้ช่วยให้การเดินทางทางอากาศปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิมและทางสำนักงานการบินสหรัฐหรือ FAA ก็เห็นด้วยกับประเด็นนี้ แต่ก็ได้ชี้ว่านักบินมีความเชี่ยวชาญน้อยลงในการบังคับเครื่องบินด้วยตนเองในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือ ในกรณีที่ต้องยกเลิกการควบคุมการบินระบบอัตโนมัติกลางคัน
ก่อนหน้านี้ วีโอเอได้รายงานว่าการควบคุมการบินแบบอัตโนมัติอาจจะเป็นต้นเหตุให้เครื่องบินสายการบิน Asiana เกิดอุบัติเหตุในเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา เครื่องบินโบอิ้ง 777 พุ่งชนกำแพงเสาเข็มชายฝั่งทะเลในซานฟรานซิสโก อุบัติเหตุนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 รายและบาดเจ็บมากกว่า 180 คน
คุณวิค ฮูปเปอร์ เคยทำงานเป็นกัปตันแก่สายการบิน Asiana เขากล่าวว่าบรรดานักบินที่หนึ่งที่เขาเคยร่วมงานด้วยเลือกควบคุมการบินด้วยระบบคอมพิวเตอร์มากกว่าการควบคุมการบินด้วยตนเอง
เขากล่าวว่า บางครั้ง เขาพยายามผลักดันให้ทีมงานทำงานมากกว่าที่เคยทำ อาทิ พยายามให้บังคับการบินด้วยการใช้ visual approach และเขาพบว่าทีมงานไม่ค่อยชอบวิธีการบินแบบนี้นัก
คุณรอส เอมเมอร์ อดีตผู้ฝึกนักบินกล่าวว่าในหลายๆสถาณการณ์ นักบินที่มีประสบการณ์ควรสามารถควบคุมการบินโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ไฮเทคเลย
รายงานของสำนักงานการบินแห่งสหรัฐหรือ FAA พบว่า 1 ใน 4 ของอุบัติเหตุทางเครื่องบินที่ทำการศึกษา นักบินมีความมั่นใจมากเกินไปในประสิทธิภาพของการควบคุมการบินแบบอัตโนมัติ และบางครั้งนักบินจะคล้อยตามระบบอัตโนมัติแทนที่จะแทรกแซงการทำงาน ผลการศึกษานี้เน้นย้ำปัญหาที่เรียกว่าการลดถอยของความสามารถในการบินเเบบบังคับด้วยนักบิน ซึ่งอาจจะย่ำแย่ลงไปอีกในอนาคต
คุณจอห์น เเม็คกรอว์ ที่ปรึกษาด้านการบินชาวอเมริกันกล่าวว่าการใช้ระบบควบคุมอัตโนมัติมีให้เห็นในชีวิตประจำวันและทุกคนรู้จักกันดี คุณเเม็คกรอว์เคยทำงานที่สำนักงานควบคุมการบินแห่งสหรัฐนาน 17 ปีและตอนนี้ทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านการบินแก่สายการบินต่างๆ
เขากล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าหากเราสังเกตุการขับรถของคนในปัจจุบัน รถยนต์สมัยใหม่มีระบบควบคุมอัตโนมัติ บางคนขับได้แต่บางคนกลับทำไม่ได้
รายงานของสำนักงาน FAA เเนะนำว่าควรมีการใช้นักบินควบคุมการบินด้วยตนเองกันมากขึ้น โดยเฉพาะในกรณีการฝึกฝนทักษะในสถานการณ์พิเศษต่างๆที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักแต่การฝึกนักบินแบบจำลองการบินมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นเเละทำให้นักบินไม่สามารถทำงานประจำบนเครื่องบินได้ซึ่งเป็นตัวทำรายได้หลักแก่สายการบิน
คุณไมเคิ่ล ฮูเออร์ต้า ผู้อำนวยการแห่งสำนักงาน FAA กล่าวว่าเดี๋ยวนี้ เทคโนโลยีที่ใช้ในการฝึกนักบินด้วยการจำลองการบินก้าวหน้ามากขึ้น การฝึกนักบินให้ควบคุมการบินด้วยตนเองแบบจำลองการบินจึงมีประสิทธิผลมากขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินเรียกอาการนี้ว่าการเสพติดระบบการบินอัตโนมัติ ซึ่งเป็นการพึ่งพาระบบคอมพิวเตอร์ในการควบคุมการบินเครื่องบินโดยสารมากเกินไป แม้ว่าเทคโนโลยีนี้ช่วยให้การเดินทางทางอากาศปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิมและทางสำนักงานการบินสหรัฐหรือ FAA ก็เห็นด้วยกับประเด็นนี้ แต่ก็ได้ชี้ว่านักบินมีความเชี่ยวชาญน้อยลงในการบังคับเครื่องบินด้วยตนเองในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือ ในกรณีที่ต้องยกเลิกการควบคุมการบินระบบอัตโนมัติกลางคัน
ก่อนหน้านี้ วีโอเอได้รายงานว่าการควบคุมการบินแบบอัตโนมัติอาจจะเป็นต้นเหตุให้เครื่องบินสายการบิน Asiana เกิดอุบัติเหตุในเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา เครื่องบินโบอิ้ง 777 พุ่งชนกำแพงเสาเข็มชายฝั่งทะเลในซานฟรานซิสโก อุบัติเหตุนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 รายและบาดเจ็บมากกว่า 180 คน
คุณวิค ฮูปเปอร์ เคยทำงานเป็นกัปตันแก่สายการบิน Asiana เขากล่าวว่าบรรดานักบินที่หนึ่งที่เขาเคยร่วมงานด้วยเลือกควบคุมการบินด้วยระบบคอมพิวเตอร์มากกว่าการควบคุมการบินด้วยตนเอง
เขากล่าวว่า บางครั้ง เขาพยายามผลักดันให้ทีมงานทำงานมากกว่าที่เคยทำ อาทิ พยายามให้บังคับการบินด้วยการใช้ visual approach และเขาพบว่าทีมงานไม่ค่อยชอบวิธีการบินแบบนี้นัก
คุณรอส เอมเมอร์ อดีตผู้ฝึกนักบินกล่าวว่าในหลายๆสถาณการณ์ นักบินที่มีประสบการณ์ควรสามารถควบคุมการบินโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ไฮเทคเลย
รายงานของสำนักงานการบินแห่งสหรัฐหรือ FAA พบว่า 1 ใน 4 ของอุบัติเหตุทางเครื่องบินที่ทำการศึกษา นักบินมีความมั่นใจมากเกินไปในประสิทธิภาพของการควบคุมการบินแบบอัตโนมัติ และบางครั้งนักบินจะคล้อยตามระบบอัตโนมัติแทนที่จะแทรกแซงการทำงาน ผลการศึกษานี้เน้นย้ำปัญหาที่เรียกว่าการลดถอยของความสามารถในการบินเเบบบังคับด้วยนักบิน ซึ่งอาจจะย่ำแย่ลงไปอีกในอนาคต
คุณจอห์น เเม็คกรอว์ ที่ปรึกษาด้านการบินชาวอเมริกันกล่าวว่าการใช้ระบบควบคุมอัตโนมัติมีให้เห็นในชีวิตประจำวันและทุกคนรู้จักกันดี คุณเเม็คกรอว์เคยทำงานที่สำนักงานควบคุมการบินแห่งสหรัฐนาน 17 ปีและตอนนี้ทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านการบินแก่สายการบินต่างๆ
เขากล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าหากเราสังเกตุการขับรถของคนในปัจจุบัน รถยนต์สมัยใหม่มีระบบควบคุมอัตโนมัติ บางคนขับได้แต่บางคนกลับทำไม่ได้
รายงานของสำนักงาน FAA เเนะนำว่าควรมีการใช้นักบินควบคุมการบินด้วยตนเองกันมากขึ้น โดยเฉพาะในกรณีการฝึกฝนทักษะในสถานการณ์พิเศษต่างๆที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักแต่การฝึกนักบินแบบจำลองการบินมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นเเละทำให้นักบินไม่สามารถทำงานประจำบนเครื่องบินได้ซึ่งเป็นตัวทำรายได้หลักแก่สายการบิน
คุณไมเคิ่ล ฮูเออร์ต้า ผู้อำนวยการแห่งสำนักงาน FAA กล่าวว่าเดี๋ยวนี้ เทคโนโลยีที่ใช้ในการฝึกนักบินด้วยการจำลองการบินก้าวหน้ามากขึ้น การฝึกนักบินให้ควบคุมการบินด้วยตนเองแบบจำลองการบินจึงมีประสิทธิผลมากขึ้น