ขณะนี้มีนักศึกษาจำนวนหนึ่งเป็นอาสาสมัครเรียนและฝึกวิชาทหารในฟิลิปปินส์ แต่รัฐสภาของประเทศกำลังพิจารณาให้การฝึกนี้เป็นกิจกรรมบังคับสำหรับทั้งชายและหญิง
ประเด็นนี้สร้างการถกเถียงอย่างกว้างขวางในสังคม และความเเตกต่างทางความคิดเห็นถูกสะท้อนในรั้วมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เช่นกัน
รูธฮานนาห์ ราบาโนส จากมหาวิทยาลัย PLMar กล่าวว่า เธอเห็นด้วยกับการบังคับฝึกทหารในฟิลิปปินส์
อย่างไรก็ตาม ลอร์เรน คาสทริลเลียน จากมหาวิทยาลัย University of the Philippines บอกกับวีโอเอว่า เธอไม่เห็นด้วย เพราะสิ่งสำคัญสำหรับนักศึกษาคือทางเลือกต่าง ๆ ที่พวกเขาควรจะมี
ในฟิลิปปินส์ ก่อนที่ทุกคนจะจบปริญญาตรี นักศึกษามีทางเลือกที่จะฝึกทหารสัปดาห์ละครั้ง หรือทำงานอาสาสมัครสอนหนังสือเด็กในเขตทุรกันดาร
ไอรา ซานโตส จากมหาวิทยาลัย University of the Philippines กล่าวว่า นักศึกษาแต่ละคนมีทักษะที่ต่างกัน และทำประโยชน์ให้กับประเทศในทางของตนเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องฝึกทหารทุกคน
กฎหมายที่กำลังเป็นหัวข้ออภิปรายในสภาฟิลิปปินส์ ต้องการให้การฝึกทหารเป็นกิจกรรมบังคับแต่ใช้เวลาเพียงบางช่วงของสัปดาห์
ผู้ที่ผ่านการฝึกอาจถูกเรียกมาปฏิบัติภารกิจในยามสงครามหรือช่วยบรรเทาสาธารณภัย
รูธฮานนาห์ จากมหาวิทยาลัย PLMar การฝึกจะช่วยประชาชนได้ในหลายสถานการณ์ เช่ย ภัยพิบัติจากไต้ฝุ่น
เจ้าหน้าที่ฝ่ายกลาโหมของฟิลิปปินส์ไม่ได้เเสดงความเห็น เมื่อนักข่าววีโอเอส่งคำถามไปเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากโครงการให้หลักสูตรวิชาทหารเป็นกิจกรรมบังคับ
อย่างไรก็ตาม สื่อท้องถิ่นรายงานว่า หากกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้ น่าจะเกิดค่าใช้จ่ายราวหนึ่งพันล้านดอลลาร์หรือกว่าสามหมื่นล้านบาทในระยะเวลาสี่ปี
ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกล่าวว่า เงินดังกล่าวควรถูกใช้ไปกับโครงการอื่น ๆ เเทน
คลาริสซา โอดรา จาก University of the Philippines กล่าวว่า "เราต้องการห้องเรียน เราต้องการหนังสือ เราต้องงานทุนสำหรับครู เราต้องการสวัสดิการสำหรับนักศึกษาและการดูเเลพื้นฐานสำหรับเรา สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ถูกส่งผ่านมาสู่เราจากการฝึกทหาร"
- ที่มา: วีโอเอ
