บริษัทยา ไฟเซอร์ (Pfizer) ได้เสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ FDA เพื่อให้อนุมัติวัคซีนกระตุ้นภูมิ หรือ บูสเตอร์ ให้กับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นในสหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลเรื่องการระบาดของโควิด-19 ช่วงเทศกาลท่องเที่ยวและสังสรรค์ส่งท้ายปีนี้ ตามรายงานของเอพี
เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา หน่วยงานสาธารณสุขและกำกับดูแลด้านอาหารและยาสหรัฐฯ อนุมัติการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิของไฟเซอร์ให้กับประชากรบางกลุ่ม โดยผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป เจ้าหน้าที่ด่านหน้า และผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ ซึ่งรับวัคซีนโควิดชนิด 2 โดส ของไฟเซอร์และโมเดอร์นา หลังฉีดครบโดสไปแล้ว 6 เดือนหรือนานกว่านั้น จะสามารถเข้ารับวัคซีนกระตุ้นภูมิเข็มสามได้ ขณะที่ผู้ที่รับวัคซีนโควิดชนิด 1 โดสของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันทุกคน สามารถเข้ารับวัคซีนบูสเตอร์หลังฉีดเข็มแรกไปแล้วอย่างน้อย 2 เดือน แต่ทาง FDA ระบุว่า จะเตรียมขยายกรอบผู้ที่มีสิทธิ์เข้ารับวัคซีนบูสเตอร์ให้มากขึ้นหลังจากนี้
โดยการศึกษาชิ้นใหม่ที่จัดทำโดยไฟเซอร์ ระบุว่า วัคซีนบูสเตอร์ของไฟเซอร์ จะกระตุ้นระดับการป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการได้ถึง 96% ซึ่งรวมถึงกับโควิดกลายพันธุ์เดลตาที่ระบาดหนักในปัจจุบัน ขณะที่มีผลข้างเคียงใกล้เคียงกับการรับวัคซีนใน 2 โดสแรก ซึ่งไฟเซอร์ เตรียมยื่นผลการทดสอบเบื้องต้นในกลุ่มตัวอย่าง 10,000 คน เพื่อเสนอให้ทาง FDA ใช้ในการพิจารณากรอบเวลาให้ประชากรกลุ่มอื่นๆ สามารถรับวัคซีนบูสเตอร์ต่อไป
ที่ผ่านมา คณะทำงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีแผนแจกจ่ายวัคซีนบูสเตอร์ให้กับประชากรวัยผู้ใหญ่ทุกคน แต่เจอเสียงต่อต้านจากทีมนักวิทยาศาสตร์ของ FDA เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ที่ค้านเรื่องการรับวัคซีนบูสเตอร์ในกลุ่มผู้ที่มีอายุน้อยและสุขภาพแข็งแรง ในระหว่างที่หลายพื้นที่ทั่วโลกเผชิญกับภาวะขาดแคลนวัคซีน
ซึ่งหากทาง FDA อนุมัติการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ให้กับประชากรวัยผู้ใหญ่ทั้งหมดในสหรัฐฯ ทางศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ CDC จะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาออกคำแนะนำการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิต่อไป
สำหรับวัคซีนบูสเตอร์เป็นประเด็นที่ถกเถียงทั่วโลก จากที่บางประเทศมีการสงวนไว้สำหรับผู้สูงอายุและผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ ขณะที่บางประเทศ อย่างอิสราเอล อนุมัติการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิให้กับประชาชนอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปแล้ว
(ที่มา: เอพี)
