Muhammad Farooq ถูกสาดน้ำกรดเพราะเขาไม่ยอมเเต่งงงานกับหญิงที่ครอบครัวของเขาเลือกให้
เขากล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าตอนถูกสาดน้ำกรด เขาคิดว่าแค่โดนน้ำสาดแต่เมื่อน้ำกรดเผาที่ใบหน้าและลำตัว เขาได้ยินเสียงผิวหนังถูกกรดเผาเสียงดังคล้ายกับเสียงใบไม้แห้งกรอบถูกเหยียบให้แตก
ผู้สื่อข่าววีโอเอรายงานว่าราว 40 เปอร์เซ็นต์ของเหยื่อถูกสาดน้ำกรดเป็นผู้ชายและเด็กชาย
Farooq ต้องทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดทางร่างกายและจิตใจ เขาเกิดอาการซึมเศร้าอย่างรุนแรง
เขากล่าวว่าเขารู้สึกว่าถูกทำลายย่อยยับ เขาไม่เหลืออะไรในชีวิต ไม่มีอดีต อนาคตและปัจจุบัน
Muhammad Hassan Mangi รัฐมนตรีกระทรวงสิทธิมนุษยชนปากีสถานกล่าวว่ามีการบังคับใช้กฏหมายต่อต้านและเอาผิดต่อการสาดน้ำกรดในปากีสถานแต่เขายอมรับว่ากฏหมายอย่างเดียวไม่เพียงพอกับการจัดการกับปัญหาการทำร้ายผู้อื่นด้วยการสาดน้ำกรด
เขากล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าคนปากีสถานต้องหาทางออกในการระบายความโกรธด้วยวิธีอื่นที่เหมาะสมแทนการทำร้ายร่างกายและจิตใจคนอื่นด้วยการสาดน้ำกรด ปากีสถานต้องสร้างความเข้าใจในเรื่องนี้กับคนในสังคม
มูลนิธิผู้รอดชีวิตจากการถูดสาดน้ำกรด (Acid Survivors Foundation) ได้บันทึกว่ามีเหยื่อถูกสาดน้ำกรดราว 143 คนในปากีสถานเมื่อปีที่แล้ว ส่วนมากเป็นผู้หญิงเเละเด็กหญิง
Nasrat Bibi ถูกสาดน้ำกรดเพราะน้องชายของเธอปฏิเสธไม่ยอมเเต่งงานกับญาติทางฝ่ายสามีของเธอ เธอต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อทำศัลยกรรมใบหน้าเเละลำตัวถึง 17 ครั้ง
เธอกล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าใครที่พบเห็นเธอต่างตกใจกลัว มีคนนำรูปถ่ายของเธอไปให้ลูกๆ ของเธอดูเพื่อให้เด็กๆ กลัว
Valerie Khan ประธานมูลนิธิผู้รอดชีวิตจากการถูดสาดน้ำกรดในกรุงอิสลามบัดกล่าวว่าการยอมรับจากสังคมต่อแผลเป็นที่เกิดขึ้นกับเหยื่อสำคัญมากต่อโอกาสรอดของเหยื่อ
เธอกล่าวว่าเหยื่อการสาดน้ำกรดต้องพยายามกอบกู้ความเป็นตัวของต้วเอง ความเชื่อมั่นในตนเองกลับมาและการได้รับการยอมรับจากชุมชนและได้รับการปฏิบัติต่ออย่างคนปกติทั่วไป
Farooq ไม่ปกปิดใบหน้าของเขาอีกต่อไป เขากำลังเรียนรู้วิชาการถ่ายภาพและใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติ
เขากล่าวว่าเขาต้องการแสดงให้คนที่ทำร้ายเขาเห็นว่าเขายังไม่ตายและจะไม่ยอมแพ้ เขาจะไม่สิ้นหวังและจะอดทน นี่เป็นบททดสอบความอดทนและเขาเชื่อว่าพระเจ้าอยู่ข้างพวกเขาและจะให้รางวัลแก่พวกเขาในที่สุด
เขากล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าตอนถูกสาดน้ำกรด เขาคิดว่าแค่โดนน้ำสาดแต่เมื่อน้ำกรดเผาที่ใบหน้าและลำตัว เขาได้ยินเสียงผิวหนังถูกกรดเผาเสียงดังคล้ายกับเสียงใบไม้แห้งกรอบถูกเหยียบให้แตก
ผู้สื่อข่าววีโอเอรายงานว่าราว 40 เปอร์เซ็นต์ของเหยื่อถูกสาดน้ำกรดเป็นผู้ชายและเด็กชาย
Farooq ต้องทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดทางร่างกายและจิตใจ เขาเกิดอาการซึมเศร้าอย่างรุนแรง
เขากล่าวว่าเขารู้สึกว่าถูกทำลายย่อยยับ เขาไม่เหลืออะไรในชีวิต ไม่มีอดีต อนาคตและปัจจุบัน
Muhammad Hassan Mangi รัฐมนตรีกระทรวงสิทธิมนุษยชนปากีสถานกล่าวว่ามีการบังคับใช้กฏหมายต่อต้านและเอาผิดต่อการสาดน้ำกรดในปากีสถานแต่เขายอมรับว่ากฏหมายอย่างเดียวไม่เพียงพอกับการจัดการกับปัญหาการทำร้ายผู้อื่นด้วยการสาดน้ำกรด
เขากล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าคนปากีสถานต้องหาทางออกในการระบายความโกรธด้วยวิธีอื่นที่เหมาะสมแทนการทำร้ายร่างกายและจิตใจคนอื่นด้วยการสาดน้ำกรด ปากีสถานต้องสร้างความเข้าใจในเรื่องนี้กับคนในสังคม
มูลนิธิผู้รอดชีวิตจากการถูดสาดน้ำกรด (Acid Survivors Foundation) ได้บันทึกว่ามีเหยื่อถูกสาดน้ำกรดราว 143 คนในปากีสถานเมื่อปีที่แล้ว ส่วนมากเป็นผู้หญิงเเละเด็กหญิง
Nasrat Bibi ถูกสาดน้ำกรดเพราะน้องชายของเธอปฏิเสธไม่ยอมเเต่งงานกับญาติทางฝ่ายสามีของเธอ เธอต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อทำศัลยกรรมใบหน้าเเละลำตัวถึง 17 ครั้ง
เธอกล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าใครที่พบเห็นเธอต่างตกใจกลัว มีคนนำรูปถ่ายของเธอไปให้ลูกๆ ของเธอดูเพื่อให้เด็กๆ กลัว
Valerie Khan ประธานมูลนิธิผู้รอดชีวิตจากการถูดสาดน้ำกรดในกรุงอิสลามบัดกล่าวว่าการยอมรับจากสังคมต่อแผลเป็นที่เกิดขึ้นกับเหยื่อสำคัญมากต่อโอกาสรอดของเหยื่อ
เธอกล่าวว่าเหยื่อการสาดน้ำกรดต้องพยายามกอบกู้ความเป็นตัวของต้วเอง ความเชื่อมั่นในตนเองกลับมาและการได้รับการยอมรับจากชุมชนและได้รับการปฏิบัติต่ออย่างคนปกติทั่วไป
Farooq ไม่ปกปิดใบหน้าของเขาอีกต่อไป เขากำลังเรียนรู้วิชาการถ่ายภาพและใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติ
เขากล่าวว่าเขาต้องการแสดงให้คนที่ทำร้ายเขาเห็นว่าเขายังไม่ตายและจะไม่ยอมแพ้ เขาจะไม่สิ้นหวังและจะอดทน นี่เป็นบททดสอบความอดทนและเขาเชื่อว่าพระเจ้าอยู่ข้างพวกเขาและจะให้รางวัลแก่พวกเขาในที่สุด
