ประธานาธิบดีบารัคจะเดินทางเยือนอินโดนีเซียซึ่งเคยใช้ชีวิตอยู่ในช่วงวัยเด็ก

คุณ Travis Bluemling อาสาสมัครของกลุ่ม American Peace Crops ผู้สอนภาษาอังกฤษอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งห่างจากกรุงจาการ์ต้าราว 800 กม.บอกว่า แม้แต่ชาวอินโดนีเซียในชนบทห่างไกลต่างรู้จักประธานาธิบดีบารัค โอบาม่ากันทุกคน และต่างทราบกันดีว่าประธานาธิบดีสหรัฐผู้นี้เคยศึกษาในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในกรุงจาการ์ต้า

ประธานาธิบดีโอบาม่าเคยใช้ชีวิตในวัยเด็กช่วงหนึ่งในอินโดนีเซียเมื่อคุณแม่แต่งงานกับชายชาวอินโดนีเซีย อย่างไรก็ดี อดีตที่เกี่ยวข้องผูกพันกับประเทศมุสลิมขนาดใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้ประธานาธิบดีโอบาม่าโด่งดังได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่ชาวอินโดนีเซีย แต่การทำงานเพื่อลดความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับโลกมุสลิมก็ดูจะมีน้ำหนักไม่น้อย รวมทั้งความพยายามปกป้องสิทธิเสรีภาพทางศาสนาของคนมุสลิมในอเมริกาด้วย

คุณ Anies Baswedan อธิการบดีมหาวิทยาลัย Paramadina บอกว่าคนอินโดนีเซียชื่นชมการทำงานของประธานาธิบดีโอบาม่าในการจัดการกับปัญหาในอิรัก และการรับมือกับความขัดแย้งเรื่องการสร้างสุเหร่าในนครนิวยอร์ค นอกจากนั้น บรรดาผู้นำอินโดนีเซียยังมองว่าประธานาธิบดีโอบาม่าให้ความใส่ใจกับประเทศตนมากกว่าผู้นำสหรัฐคนก่อนๆ

คุณ Teuku Faizasyah ผู้ช่วยพิเศษของประธานาธิบดีซูซิโล่ แบมบัง ยุดโธโยโน่ ชี้ว่าการที่ประธานาธิบดีสหรัฐเดินทางเยือนอินโดนีเซียครั้งนี้ จะช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ คุณ Faizasyah กล่าวว่า อินโดนีเซียกับสหรัฐสามารถเคียงคู่กันได้อย่างเท่าเทียม เพราะต่างยืนหยัดสนับสนุนประชาธิปไตยและต่างเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดของความสมดุลทางความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ

ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับอินโดนีเซียง่อนแง่นมาตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีซูฮาร์โต้อันเนื่องมาจากปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่เริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่ระบอบเผด็จการล่มสลาย เมื่ออินโดนีเซียนำวิธีเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรงมาใช้พร้อมกับจัดการกับปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนคนกลุ่มน้อยทั่วประเทศ

คาดว่าการพบปะระหว่างประธานาธิบดีโอบาม่าและประธานาธิบดียุดโดโยโน่ในสัปดาห์หน้าจะมุ่งเน้นที่ประเด็นเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคง เช่นการปกป้องประโยชน์ของสหรัฐในทะเลจีนใต้ และการลงทุนของสหรัฐในอินโดนีเซียซึ่งเศรษฐกิจกำลังเติบโตรวดเร็วที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง รวมถึงการสนับสนุนความพยายามของอินโดนีเซียที่จะลดก๊าซซึ่งเป็นสาเหตุของปรากฎการณ์เรือนกระจกลง 26% ในช่วง 10 ปีข้างหน้าด้วย