ประธานาธิบดีโอบาม่ากล่าวถึงวิกฤติการณ์ในตะวันออกกลางในที่ประชุมแถลงข่าวที่ทำเนียบไว้ท์ เฮ้าส์ว่า รัฐบาลจะต้องตอบโต้อย่างสันติต่อการชุมนุมประท้วงอย่างสงบ และว่า ประชาชนจะต้องมีโอกาสร้องทุกข์ได้ ประธานาธิบดีของสหรัฐยกการปราบปรามการชุมนุมประท้วงของฝ่ายค้านโดยรัฐบาลอิหร่านมาเป็นตัวอย่างว่า เป็นเรื่องที่ขัดแย้งกันอยู่ในตัว เพราะในขณะที่รัฐบาลอิหร่านกล่าวยกย่องยินดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอียิปต์ แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ตรงกันข้าม เพราะมีการใช้ปืนยิงและการทุบตีทำร้ายประชาชนที่พยายามจะแสดงความคิดเห็นอย่างสงบในอิหร่าน
ประธานาธิบดีโอบาม่าย้ำว่า จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงในสังคมเกิดขึ้นได้จากการก่อการร้าย หรือการสังหารผู้บริสุทธิ์ แต่จะเกิดขึ้นได้เมื่อผู้คนรวมตัวกันและใช้พลังทางด้านศีลธรรมจรรยา
และต่อคำวิพากษ์ตำหนิที่ว่า รัฐบาลสหรัฐแสดงทีท่าระมัดระวังจนเกินไปในการสนับสนุนผู้ประท้วงในอียิปต์ ในขณะที่ไม่ให้การสนับสนุนประธานาธิบดี Hosni Mubarak ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐมาเป็นเวลายาวนาน ประธานาธิบดีโอบาม่ายอมรับว่า ที่เป็นห่วง คือเสถียรภาพของอียิปต์ และในที่อื่นๆที่กำลังมีการประท้วงรัฐบาลในลักษณะเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโอบาม่ายืนยันว่า สหรัฐไม่สามารถบงการได้ว่า ผลจะออกมาเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่า สหรัฐทำถูกแล้วที่สนับสนุนการเรียกร้องเสรีภาพและประชาธิปไตยของฝ่ายผู้ประท้วง และว่าสหรัฐส่งข้อความที่ชัดเจน แสดงความเชื่อมั่นในการเปลี่ยนแปลงที่เป็นระเบียบเรียบร้อย มีความหมาย และเป็นการเปลี่ยนแปลงที่จะต้องเกิดขึ้นโดยเร็ว ไม่ใช่ต้องรอต่อไปอีก
ประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวแสดงความเชื่อมั่นด้วยว่า ในระยะยาว การปฏิรูปและประชาธิปไตย ไม่ว่าจะ “วุ่นวาย” สักแค่ไหน จะทำให้ความคิดเห็นสุดโต่งลดลงได้ในที่สุด
ในวันเดียวกันนี้ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐ กล่าวในนามของรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม นาย Robert Gates ยกย่องบทบาทของทางการทหารอียิปต์ ว่าเป็นบทบาทที่สร้างสรร แม้จะนอกกระบวนการรัฐธรรมนูญก็ตาม
โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐกล่าวว่า ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีความรุนแรงน้อยมาก และว่า ทหารมีอิทธิพลที่ช่วยทำให้สถานการณ์มีเสถียรภาพได้