นสพ. New York Times รายงานอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่ในนครนิวยอร์คซึ่งเป็นเมืองที่มีรถแท็กซี่หนาแน่นที่สุดเมืองหนึ่งของโลก โดยระบุว่าแต่ละวันมีผู้โทรศัพท์เข้ามาที่สาย Hot Line 311 เพื่อเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ด้านดีต่อคนขับรถแท็กซี่อย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อวัน ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยอย่างเช่นการใช้สัญญาณไฟหน้ารถอย่างถูกต้อง การช่วงเจรจา ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ เช่นเข้าช่วยเหลือคนที่ถูกคนร้ายจู่โจม หรือนำของมีค่าไปคืน
คุณ Clay Pipkin ผู้โดยสารแท็กซี่วัย 24 ปีจากย่านบรู้คลิน เล่าว่าตนเคยลืมแหวนเพชรที่จะนำไปให้แฟนไว้บนรถแท็กซี่ แต่คนขับแท็กซี่คันนั้นนำมาคืน และเมื่อตนจะให้เงินตอบแทน คนขับแท็กซี่ผู้นั้นก็ปฏิเสธไม่ยอมรับ
คุณ Lori Bannon วัย 54 ปีจากรัฐเท็กซัส เล่าว่าหน้าร้อนปีที่แล้ว ลูกสาวของตนซึ่งฝึกงานอยู่ในนิวยอร์คถูกคนร้ายฉกกระเป๋าและโทรศัพท์มือถือไป ซึ่งก็ได้คนขับแท็กซี่คนหนึ่งมาช่วยไว้และพาไปส่งที่บ้าน อีกทั้งยังให้ลูกสาวยืมโทรศัพท์เพื่อโทรมาถึงตนที่รัฐเท็กซัสด้วย
นอกจากนี้ยังมีผู้โทรศัพท์เข้ามาชมเชยในเรื่องเกี่ยวกับสภาพในรถแท็กซี่หลายคัน เช่นสะอาด หอม หรือมีป้านเตือนต่างๆติดอยู่ เช่นอย่าลืมทรัพย์สินมีค่า หรือกรุณาปิดปากเวลาไอหรือจาม
คุณ David J. Yassky หนึ่งในคณะกรรมาธิการด้านรถแท็กซี่ของนิวยอร์ค บอกว่าทุกครั้งที่มีผู้โดยสารชมเชยคนขับและระบุชื่อหรือทะเบียนรถเอาไว้ ทางจนท.จะส่งจดหมายไปแจ้งให้ตัวคนขับแท็กซี่ทราบทันที โดยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมามีคำชมเชยคนขับแท็กซี่ในนครนิวยอร์คเข้ามาทั้งหมด 881 ครั้ง ซึ่งแม้จะน้อยเมื่อเทียบกับคำร้องเรียนในทำนองตำหนิกว่า 22,000 ครั้งในช่วงเดียวกัน แต่ก็เป็นสัญญาณให้รู้ว่ายังมีคนขับแท็กซี่น้ำใจงามอยู่ไม่น้อย
นสพ. New York Times ตั้งข้อสังเกตว่า ในเว็บไซต์แจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายของนครนิวยอร์คซึ่งมีบริการให้ส่งคำร้องเรียนในทำนองตำหนิคนขับรถแท็กซี่ที่เป็นหนึ่งในบริการยอดนิยม 10 อันดับแรกของเว็บไซต์นั้น ทำไมจึงไม่มีบริการส่งคำชมเชยคนขับรถแท็กซี่พ่วงไว้ด้วย เพื่อให้ผู้โดยสารบอกเล่าถึงประสบการณ์ดีดีที่มีต่อแท็กซี่ และเพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้ทำอาชีพนี้
แน่นอนหนึ่งในคนที่อยากบอกเล่าประสบการณ์ของตนจะต้องมีคุณ Fetton Brown ชายชาวนิวยอร์คอายุ 31 ปีรวมอยู่ด้วย เพราะคุณ Brown บอกว่าตนได้รับคำแนะนำเรื่องวิธีการพิชิตหัวใจสาวและคุณค่าที่แท้จริงของผู้หญิงจากการสนทนากับคนขับรถแท็กซี่ผู้หนึ่งระหว่างรถติด และตนได้ใช้คำแนะนำนั้นไปใช้และสมหวังในความรักในที่สุด แต่น่าเสียดายที่ตนไม่มีโอกาสของคุณคนขับแท็กซี่ผู้นั้น เพราะลืมจดชื่อและทะเบียนรถเอาไว้
คุณ Clay Pipkin ผู้โดยสารแท็กซี่วัย 24 ปีจากย่านบรู้คลิน เล่าว่าตนเคยลืมแหวนเพชรที่จะนำไปให้แฟนไว้บนรถแท็กซี่ แต่คนขับแท็กซี่คันนั้นนำมาคืน และเมื่อตนจะให้เงินตอบแทน คนขับแท็กซี่ผู้นั้นก็ปฏิเสธไม่ยอมรับ
คุณ Lori Bannon วัย 54 ปีจากรัฐเท็กซัส เล่าว่าหน้าร้อนปีที่แล้ว ลูกสาวของตนซึ่งฝึกงานอยู่ในนิวยอร์คถูกคนร้ายฉกกระเป๋าและโทรศัพท์มือถือไป ซึ่งก็ได้คนขับแท็กซี่คนหนึ่งมาช่วยไว้และพาไปส่งที่บ้าน อีกทั้งยังให้ลูกสาวยืมโทรศัพท์เพื่อโทรมาถึงตนที่รัฐเท็กซัสด้วย
นอกจากนี้ยังมีผู้โทรศัพท์เข้ามาชมเชยในเรื่องเกี่ยวกับสภาพในรถแท็กซี่หลายคัน เช่นสะอาด หอม หรือมีป้านเตือนต่างๆติดอยู่ เช่นอย่าลืมทรัพย์สินมีค่า หรือกรุณาปิดปากเวลาไอหรือจาม
คุณ David J. Yassky หนึ่งในคณะกรรมาธิการด้านรถแท็กซี่ของนิวยอร์ค บอกว่าทุกครั้งที่มีผู้โดยสารชมเชยคนขับและระบุชื่อหรือทะเบียนรถเอาไว้ ทางจนท.จะส่งจดหมายไปแจ้งให้ตัวคนขับแท็กซี่ทราบทันที โดยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมามีคำชมเชยคนขับแท็กซี่ในนครนิวยอร์คเข้ามาทั้งหมด 881 ครั้ง ซึ่งแม้จะน้อยเมื่อเทียบกับคำร้องเรียนในทำนองตำหนิกว่า 22,000 ครั้งในช่วงเดียวกัน แต่ก็เป็นสัญญาณให้รู้ว่ายังมีคนขับแท็กซี่น้ำใจงามอยู่ไม่น้อย
นสพ. New York Times ตั้งข้อสังเกตว่า ในเว็บไซต์แจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายของนครนิวยอร์คซึ่งมีบริการให้ส่งคำร้องเรียนในทำนองตำหนิคนขับรถแท็กซี่ที่เป็นหนึ่งในบริการยอดนิยม 10 อันดับแรกของเว็บไซต์นั้น ทำไมจึงไม่มีบริการส่งคำชมเชยคนขับรถแท็กซี่พ่วงไว้ด้วย เพื่อให้ผู้โดยสารบอกเล่าถึงประสบการณ์ดีดีที่มีต่อแท็กซี่ และเพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้ทำอาชีพนี้
แน่นอนหนึ่งในคนที่อยากบอกเล่าประสบการณ์ของตนจะต้องมีคุณ Fetton Brown ชายชาวนิวยอร์คอายุ 31 ปีรวมอยู่ด้วย เพราะคุณ Brown บอกว่าตนได้รับคำแนะนำเรื่องวิธีการพิชิตหัวใจสาวและคุณค่าที่แท้จริงของผู้หญิงจากการสนทนากับคนขับรถแท็กซี่ผู้หนึ่งระหว่างรถติด และตนได้ใช้คำแนะนำนั้นไปใช้และสมหวังในความรักในที่สุด แต่น่าเสียดายที่ตนไม่มีโอกาสของคุณคนขับแท็กซี่ผู้นั้น เพราะลืมจดชื่อและทะเบียนรถเอาไว้