ลิ้งค์เชื่อมต่อ

นักวิเคราะห์ชี้ว่า อาสาวและอาเขยจะมีบทบาทสำคัญในการโอนอำนาจแก่คิมจองอึนสืบต่อจากอดีตผู้นำเกาหลีเหนือคิมจองอิลบิดาผู้ล่วงลับ


นักวิเคราะห์ชี้ว่า อาสาวและอาเขยจะมีบทบาทสำคัญในการโอนอำนาจแก่คิมจองอึนสืบต่อจากอดีตผู้นำเกาหลีเหนือคิมจองอิลบิดาผู้ล่วงลับ
นักวิเคราะห์ชี้ว่า อาสาวและอาเขยจะมีบทบาทสำคัญในการโอนอำนาจแก่คิมจองอึนสืบต่อจากอดีตผู้นำเกาหลีเหนือคิมจองอิลบิดาผู้ล่วงลับ

หลังอสัญกรรมของประธานาธิบดีคิมจองอิลของเกาหลีเหนือ เป็นที่ทราบกันว่า นาย กิม จอง อึน บุตรชายคนเล็กของอดีตผู้นำเกาหลีเหนือเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายให้สืบตำแหน่งต่อ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวกันว่า บุคคล 2 คนผู้จะมีบทบาทสำคัญในกระบวนการโอนอำนาจแก่กิม จอง อึน คือ อาสาวกับอาเขยของนาย กิม จอง อึน ผู้ยังขาดประสบการณ์

ตอนที่สุขภาพเสื่อมลงหลังจากเกิดอาการเส้นโลหิตในสมองอุดตันเมื่อปี 2551 อดีตผู้นำเกหลีเหนือ คิมจองอิล หนุนให้น้องสาวของเขาและสามีของเธอขึ้นสู่ตำแหน่งที่ทรงอิทธิพลเพื่อดูแลการสืบทอดอำนาจของวงศ์ตระกูลต่อไป


นาย จางซงแท็ค น้องเขยได้เป็นรองประธานคณะผู้นำระดับสูง และได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการด้านการป้องกันประเทศ ซึ่งเท่ากับมีอำนาจเป็นอันดับสองรองจากผู้นำคิมจองอิล ส่วนนางคิมเกียงฮี ได้รับแต่งตั้งเป็นนายพลสี่ดาวเมื่อปีที่แล้ว คิมเกียงฮี มักเดินทางติดตามอดีตผู้นำไปทั่วประเทศ นอกจาดนั้น เมื่อปีที่แล้ว อดีตผู้นำคิมจองอิล ยังแต่งตั้ง คิมจองอึน ลูกชายคนเล็กเป็นนายพลสี่ดาวด้วย ซึ่งส่อแสดงว่าเขาเตรียมนายคิมจองอึนไว้สำหรับสืบทอดอำนาจต่อจากตัวเขา

นายคิมจองอึน อายุ 28 ปี ยังขาดประสบการณ์ที่จะบริหารประเทศได้โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือ โดยเฉพาะจากอาทั้งสอง

ชอยจินวูค ผู้อำนวยการศูนย์เกาหลีคดีศึกษาที่สถาบันเพื่อการรวมชาติที่กรุงโซลกล่าวว่า ก่อนที่นายคิมจองอึนจะขึ้นมาเป็นผู้นำได้ ก็จะต้องได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูง ๆ ที่บิดาของเขาเคยดำรงมาก่อน อย่างประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันประเทศ ประธานคณะกรรมาธิการกลางฝ่ายทหารในพรรคคอมมิวนิสต์ และผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพเกาหลี เป็นต้น

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า บรรดาเครือญาติของอดีตผู้นำเกาหลีเหนือคิมจองอิล และทางการทหารสนับสนุนยการมอบโอนอำนาจดังกล่าว ซึ่งไม่มีทางเลือกมากนัก และการทัดทานอาจเป็นเรื่องที่ต้องเสี่ยงชีวิต

ผู้เชี่ยวชาญผู้นี้ คาดว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือจะดำเนินการโอนอำนาจในปีหน้า และนายจางซงแท็ค วัย 65 ปี จะเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญของหลานชาย และนางคิมเกียงฮี อาสาวจะมีบทบามที่ต่างออกไป

ชอยจินวูค คิดว่า คิมจองอึนจะรู้สึกสบายใจมากกว่าในการทำงานกับอาสาวมากกว่ากับอาเขย เพราะอาสาวมีความใกล้ชิดกับคิมจองอึนมากกว่ามาก ดังนั้น คิมเกียงฮีจึงอาจมีบทบาทสำคัญในการติดต่อระหว่างหลานชายกับอาเขย

Mike Kulma ผู้เชี่ยวชาญที่ Asia Society ในนครนิวยอร์คกล่าวว่า อาทั้งสองของนายคิมจองอึน คงจะช่วยปกป้องเขาให้พันจากผู้ที่อาจเข้ามาเป็นคู่แข่งหรือผู้ที่จะเข้ามาทัดทาน

แต่อดีตเอกอัครรัฐทูตสหรัฐประจำเกาหลีใต้ Christopher Hill กล่าวว่า นายจางซงแท็ค อาจจะไม่เป็นผู้คุ้มครองนายคิมจองอึนอยู่นานนัก และอาจเป็นไปได้ว่า นายจางซงแท็ค ผู้อยู่ในตำแหน่งสูง ๆ มานานและรอบรู้ อาจโดดเด่นขึ้นมา และไม่ใช่จะเป็นเพียงพี่เลี้ยงของนายคิมจองอึนเท่านั้น แต่อาจจะเป็นคู่แข่งของเขาก็เป็นได้

ชอยจินวูค ผู้อำนวยการศูนย์เกาหลีคดีศึกษาที่สถาบันเพื่อการรวมชาติที่กรุงโซลกล่าวว่า ไม่อาจปฏิเสธได้ในเรื่องที่อาจมีการช่วงชิงอำนาจ และการดิ้นรนขับเคี่ยวกันเรื่องนี้ อาจนำไปสู่การชุมนุมประท้วงงของประชาชนจำนววนมาก และอาจมีการปฏิวัติรัฐประหารขึ้นมาได้

XS
SM
MD
LG