ชาวบ้านในชุมชนหมู่บ้าน Lekki บริเวณแหลมด้านตะวันออกของเมือง Lagos กำลังประท้วงเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลไนจีเรียจัดการแก้ไขปัญหาชายหาดถูกกัดเซาะซึ่งคุกคามชีวิตและทรัพย์สินของพวกเขา โดยชาวบ้านระบุว่าตั้งแต่ช่วงต้นปีมานี้ น้ำทะเลและคลื่นรุกล้ำกินพื้นที่ชายหาดเข้ามาแล้วมากกว่า 100 เมตร
คุณ Silvester Oputa ประธานสมาคมชุมชนหมู่บ้าน Lekki บอกว่าเวลานี้ชาวบ้านอยู่กันอย่างหวาดกลัวว่าหากเกิดฝนตกหนักหรือคลื่นลมแรง ชุมชนบริเวณนี้อาจถูกน้ำทะเลซัดหายไปหมด หมู่บ้าน Lekki นั้นเป็นพื้นที่ที่คนร่ำรวยในเมือง Lagos มักจะมาสร้างสถานที่พักตากอากาศ จึงมีอาคารหรูมูลค่าสูงที่สุดในแถบอาฟริกาตะวันตกตั้งเรียงรายอยู่ตามแนวชายหาด นอกจากนี้ยังใกล้เขตอุตสาหกรรมการค้าและเขตชุมชนทันสมัยใหม่ๆที่กำลังก่อตัวขึ้น
เมื่อเร็วๆนี้ผู้ว่าการจังหวัด Lagos Babatunde Fashola เดินทางเยี่ยมหมู่บ้าน Lekki หลังเกิดการประท้วง และได้กล่าวกับชาวบ้านว่าการรักษาชายหาดใน Lekki นั้นเป็นงานที่ใหญ่เกินกว่ารัฐบาลส่วนท้องถิ่นจะดำเนินการเพียงผู้เดียว จึงขอให้รัฐบาลกลางไนจีเรียเข้าช่วยเหลือในการปกป้องชายหาดไว้ด้วย
ทางด้านคุณ Sam Obed เจ้าของ Pub แห่งหนึ่งที่ชายหาด Alpha ในเขตชุมชน Lekki เล่าว่าเมื่อก่อนมีนักท่องเที่ยวมากมายที่ชายหาด Alpha แต่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวหายหน้ากันไปหมด ธุรกิจก็ทรุดลงเช่นกัน
ชาวบ้านบางคนใน Lekki เชื่อว่าจำนวนต้นปาล์มตามชายหาดที่ลดลงเพราะถูกตัด และการที่มีเรือเก่าๆถูกทิ้งอยู่ทั่วไปตามชายฝั่งเพราะเจ้าของเรือไม่ต้องการเสียเงินค่าลากเรือไปทิ้ง คือสาเหตุหลักที่ทำให้คลื่นลมแรงขึ้นและน้ำทะเลหนุนสูงกินพื้นที่ชายหาดเข้ามา ในขณะที่อีกหลายคนรวมทั้งบาทหลวง Lai Amidu เชื่อว่าปัญหาส่วนหนึ่งเกิดขึ้นเพราะมนุษย์ทำลายสมดุลของธรรมชาติ
บรรดานักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเชื่อว่าเมื่อถึงฤดูมรสุม พายุใหญ่เพียงหนึ่งครั้งก็อาจตัดขาดแหลมและชุมชน Lekki แห่งนี้ออกจากโลกภายนอก ซึ่งหากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง เสียงประท้วงด้วยเพลงและดนตรีดังเช่นที่ผ่านมาอาจกลายเป็นเสียงด่าทอหรือเสียงร้องไห้คร่ำครวญแทน หากรัฐบาลไนจีเรียยังไม่มีมาตรการใดๆป้องกันอันตรายที่คุกคามชุมชนและชายหาดแห่งนี้