เมื่อวันเสาร์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของบราซิลประกาศว่าบราซิลเป็นประเทศที่สองของโลกรองจากสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตจาก โควิด-19 มากกว่า 500,000 รายโดยในสหรัฐฯ นั้นจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 พุ่งขึ้นเกิน 600,000 รายเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว
นาย Ethel Maciel นักระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัย Espírito Santo ของบราซิลกล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่าการระบาดระลอกที่สามกำลังจะมาถึงและโครงการกระจายวัคซีนของบราซิลก็ล่าช้ารวมทั้งยังไม่มีสัญญาณเกี่ยวกับการใช้มาตรการควบคุมต่างๆ ที่เข้มงวดด้วย
ตามตัวเลขของศูนย์โคโรนาไวรัสของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์เมื่อเช้าวันอาทิตย์ ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ทั่วโลกกว่า 178 ล้านคนและเสียชีวิตไปแล้วเกือบ 4 ล้านคน โดยมีการฉีดวัคซีนกว่า 2 พันล้านโดสให้กับผู้คนทั่วโลก ขณะที่สหรัฐฯ เป็นประเทศซึ่งมีผู้ติดเชื้อมากที่สุดคือ 33.5 ล้านคนตามมาด้วยอินเดียที่ 29.8 ล้านคน
ส่วนที่ยุโรป นายกรัฐมนตรี Angela Merkel ของเยอรมันนีและประธานาธิบดี Emmanuel Macron ของฝรั่งเศสเร่งร้องให้ประเทศต่างๆในสหภาพยุโรปเพิ่มความระมัดระวังเพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่และเรียกร้องให้สหภาพยุโรปเร่งประสานนโยบายการกลับไปเปิดพรมแดนด้วย โดยประธานาธิบดีของฝรั่งเศสกล่าวว่ามีบางประเทศที่กลับไปเปิดพรมแดนเพื่อรับนักท่องเที่ยวเร็วกว่าที่ควรจะเป็น และเราจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังเพื่อไม่ให้มีการนำเข้าเชื้อสายพันธุ์ใหม่
ทางด้านสหรัฐฯ ประธานาธิบดีไบเดนประกาศว่าได้มีการกระจายวัคซีนไปแล้วในสหรัฐฯ ราว 300 ล้านโดสแต่ก็ยอมรับว่าเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้ 70% ของคนอเมริกันภายในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้อาจไม่บรรลุผลเนื่องจากจำนวนผู้เข้ารับวัคซีนลดน้อยลงอย่างมากในช่วงหลังนี้
และเมื่อวันเสาร์รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศเรื่องการบริจาควัคซีนโมเดอนา 2.5 ล้านโดสให้กับไต้หวันโดยเพิ่มขึ้นจากจำนวน 750,000 โดสที่ให้สัญญาไว้แต่เดิม และประธานาธิบดี Tsai Ing-wen ของไต้หวันกล่าวว่าเรื่องนี้เป็นการแสดงสัญญาณของมิตรภาพจากสหรัฐฯ ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวด้วยว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะส่งวัคซีน 80 ล้านโดสให้กับประเทศต่างๆ ทั่วโลก
