ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ชาวนิวซีแลนด์เดินขบวนประท้วงเรียกร้องยุติคำสั่งล็อกดาวน์-บังคับฉีดวัคซีนโควิด-19


Freedom and Rights Coalition demonstrators march along Lambton Quay before gathering at Parliament, in Wellington, New Zealand on Nov. 9, 2021.
Freedom and Rights Coalition demonstrators march along Lambton Quay before gathering at Parliament, in Wellington, New Zealand on Nov. 9, 2021.

ชาวนิวซีแลนด์นับพันคนออกมารวมตัวกันในวันอังคาร ที่หน้าอาคารรัฐสภาในกรุงเวลลิงตัน เพื่อประท้วงคำสั่งรัฐบาลที่บังคับให้มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 และการดำเนินมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของโคโรนาไวรัส

รายงานข่าวระบุว่า ประชาชราว 2,000-3,000 คน เดินเท้าผ่านเขตใจกลางเมืองหลวงของประเทศพร้อมชูป้ายที่แสดงข้อความต่อต้านคำสั่งการบังคับฉีดวัคซีน รวมทั้งโบกธงหาเสียงของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ไปพร้อมๆ กันด้วย

เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงได้สั่งปิดทางเข้าบริเวณอาคารรัฐสภาเกือบทุกช่องทาง รวมทั้งปิดพื้นที่อาคาร ‘รังผึ้ง’ (Beehive) อันมีชื่อเสียงของนิวซีแลนด์ ระหว่างที่เกิดการชุมนุมประท้วงด้วย

นายกรัฐมนตรี จาซินดา อาร์เดิร์น บอกกับผู้สื่อข่าวที่ประจำอยู่ภายในอาคารรัฐสภาว่า “สิ่งที่เราทุกคนเห็นอยู่ในวันนี้ ไม่ได้เป็นตัวแทนของคนส่วนใหญ่ของนิวซีแลนด์เลย”

นับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ทั่วโลกของโควิด-19 มา นิวซีแลนด์ ซึ่งมีประชากรราว 5 ล้านคน ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความสามารถดีที่สุดในการจัดการควบคุมการระบาดของโคโรนาไวรัส เนื่องจากรัฐบาลกรุงเวลลิงตันสั่งปิดพรมแดนทั้งหมดของตนสำหรับชาวต่างชาติ เกือบตลอดช่วงเวลา 18 เดือนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ อาจกล่าวได้ว่า กลยุทธ์กำจัดโควิด-19 ส่วนใหญ่ของนิวซีแลนด์นั้นมีประสิทธิผลดี ดังที่พิสูจน์ด้วยตัวเลขผู้เสียชีวิตสะสมที่ 28 ราย ซึ่งทำให้ประชาชนในพื้นที่เกือบทั่วประเทศสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปีนี้แล้ว

แต่สถานการณ์ในนิวซีแลนด์กลับมีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาเมื่อเดือนสิงหาคม ที่ทำให้นายกรัฐมนตรี อาร์เดิร์น ตัดสินใจสั่งดำเนินมาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ในนครโอ๊คแลนด์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ รวมทั้งพื้นที่เมืองอื่นๆ ด้วย ทั้งยังทำให้ผู้นำนิวซีแลนด์ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์กำจัดโควิด-19 ให้สิ้นซาก มาเป็นการควบคุมการระบาดด้วยโครงการฉีดวัคซีนให้กับคนจำนวนมากแทน

รัฐบาลกรุงเวลลิงตันประกาศเป้าหมายใหม่ให้แพทย์ เภสัชกร พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วประเทศต้องได้รับวัคซีนครบโดสภายในเดือนธันวาคม และกำหนดเป้าหมายเดียวกันนี้สำหรับครูและผู้ที่อยู่ในแวดวงการเรียนการสอนในเดือนมกราคมด้วย

นอกจากนั้น รัฐบาลยังเริ่มดำเนินการระบบ “ไฟสัญญาณจราจร” ใหม่ ที่จะช่วยผ่อนคลายมาตรการจำกัดต่างๆ เกือบทั้งหมด ทันทีที่ประชากรสัดส่วน 90% ในพื้นที่หนึ่งๆ ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบโดสแล้ว

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี อาร์เดิร์น ประกาศว่า จะยุติการล็อกดาวน์ในนครโอ๊คแลนด์ในสิ้นเดือนพฤศจิกายน โดยจะเริ่มค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการบางอย่างตั้งแต่วันอังคารแล้ว เนื่องจากสัดส่วนการฉีดวัคซีนของประชากรในเมืองใกล้แตะระดับ 90% แล้ว

FILE - People queue up outside a quick test center to take their coronavirus disease (COVID-19) antigen rapid tests, in Singapore, Sept. 21, 2021.
FILE - People queue up outside a quick test center to take their coronavirus disease (COVID-19) antigen rapid tests, in Singapore, Sept. 21, 2021.

ขณะเดียวกัน ทางการสิงคโปร์ประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า รัฐบาลจะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายการรักษาที่เกี่ยวกับอาการป่วยโควิด-19 สำหรับผู้ที่ “เลือกจะไม่ฉีดวัคซีนเอง” ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคมเป็นต้นไป แต่จะยังคงดูแลค่าใช้จ่ายด้านนี้สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับวัคซีน 1 เข็มแล้ว ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม

ที่ผ่านมา สิงคโปร์เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้านการรักษาสำหรับชาวสิงคโปร์ และชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักถาวร รวมทั้งผู้ในสิงคโปร์ทุกคนที่ติดเชื้อโคโรนาไวรัส ยกเว้นแต่กรณีของผู้ที่มีผลตรวจการติดเชื้อเป็นบวกหลังเพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ

แต่ปัจจุบัน สิงคโปร์กำลังเผชิญกับอัตราการติดเชื้อพุ่งสูงที่สร้างแรงกดดันให้กับระบบสาธารณสุขของประเทศพอควร แม้ว่า ราว 85% ของประชาชนผู้มีสิทธิ์นั้นจะได้รับวัคซีนครบโดสแล้วก็ตาม

(ข้อมูลบางส่วนมาจาก สำนักข่าว เอพี และ รอยเตอร์)

XS
SM
MD
LG