ลิ้งค์เชื่อมต่อ

โสมแดงอ้าง การซ้อมรบสหรัฐฯ-โสมขาว ทำความตึงเครียด ‘ใกล้สงครามนิวเคลียร์’


US and South Korea conduct joint amphibious landing drills
US and South Korea conduct joint amphibious landing drills

เกาหลีเหนือกล่าวหาสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ว่า ทำการยกระดับความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีจนเข้าใกล้สงครามนิวเคลียร์ด้วยการเดินหน้าแผนงานร่วมซ้อมรบทางทหาร พร้อมประกาศว่าจะตอบโต้ด้วย “แผนการเชิงรุก” ด้วย ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่อ้างข้อมูลจากสื่อรัฐบาลเปียงยาง

ในวันพฤหัสบดี สื่อ KCNA ของเกาหลีเหนือตีพิมพ์บทวิจารณ์โดย เช จู ฮยอน นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ ที่วิจารณ์แผนงานซ้อมรบสหรัฐฯ-เกาหลีใต้ ว่า “เป็นตัวกระตุ้นที่จะผลักดันสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีเข้าสู่จุดที่จะระเบิดขึ้น”

บทความนี้ยังระบุด้วยว่า “อาการประสาทหวาดผวาอันบ้าบิ่นว่าจะต้องมีการเผชิญหน้าทางทหารของสหรัฐฯ และพวกที่เดินตามทั้งหลาย ซึ่งมีให้ต่อเกาหลีเหนือ กำลังทำให้สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีไปสู่มหันตภัยที่ไม่มีใครจะสามารถแก้ไขกลับคืนได้ ... ไปสู่จุดที่จะเกิดสงครามนิวเคลียร์”

ทั้งนี้ กองกำลังสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ได้ร่วมซ้อมรบประจำปีในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปีนี้มาตั้งแต่เดือนที่แล้ว โดยเป็นการซ้อมรบทั้งทางทะเลและทางอากาศ และยังเป็นการซ้อมการทำการยุทธ์สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกครั้งใหญ่ครั้งแรกในรอบ 5 ปีด้วย

บทวิจารณ์ที่ KCNA ตีพิมพ์ออกมานี้ยังระบุเฉพาะเจาะจงว่า การที่สหรัฐฯ นำเรือบรรทุกเครื่องบินมาร่วมด้วยมีจุดประสงค์ที่จะทำให้เกิดการเผชิญหน้า และกล่าวว่า กรุงเปียงยางจะตอบโต้การซ้อมรบนี้ด้วยการทำการซ้อมการป้องปรามสงครามในแบบ “เชิงรุก” ด้วย

เกาหลีเหนือออกมาโจมตีแผนการซ้อมรบของสองพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง โดยเรียกแผนงานนี้ว่า เป็นการซ้อมเตรียมการรุกราน และยังได้เร่งดำเนินแผนงานทางทหารมากมายในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีตั้งแต่การเปิดตัวหัวรบนิวเคลียร์ขนาดเล็กรุ่นใหม่ ไปจนถึงการยิงขีปนาวุธวิถีโค้งข้ามทวีปที่สามารถบินไปได้ไกลถึงจุดต่าง ๆ ในสหรัฐฯ และการทดสอบสิ่งที่เรียกว่าเป็นเครื่องโดรนสำหรับการโจมตีใต้น้ำที่มีความสามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้

กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้เปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า คณะตัวแทนด้านนิวเคลียร์ของเกาหลีใต้ได้หารือกับตัวแทนของสหรัฐฯ และญี่ปุ่น และตกลงที่จะประณามการทดสอบยิงต่าง ๆ ของเกาหลีเหนือ โดยกล่าวว่า กรุงเปียงยางจะต้องชดใช้ต่อการยั่วยุต่าง ๆ เหล่านี้ พร้อมทั้งตกลงที่จะยกระดับความร่วมมือระหว่างกันเพื่อสกัดกั้นกิจกรรมทางไซเบอร์ที่ผิดกฎหมายของเกาหลีเหนือ เช่น การขโมยสกุลเงินเสมือนจริงและการแฮ็กระบบต่าง ๆ ด้วย

ขณะเดียวกัน ฮัน เท ซง ผู้แทนถาวรของเกาหลีเหนือประจำองค์การสหประชาชาติที่นครเจนีวา ออกมาประณามอย่างรุนแรงต่อมติล่าสุดที่คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนยูเอ็นเพิ่งรับรองในสัปดาห์นี้เกี่ยวกับสถานการณ์ด้านสิทธิ์ในเกาหลีเหนือ ดังเช่นที่กรุงเปียงยางปฏิเสธเสมอมา เมื่อมีเสียงวิจารณ์เรื่องนี้จากนานาชาติ โดยโต้ว่า เป็นแผนการณ์ของสหรัฐฯ ที่มุ่งหวังล้มรัฐบาลที่นำโดย คิม จอง อึน

ผู้แทนถาวรของเกาหลีเหนือเรียกมติล่าสุดนี้เป็น “การกระทำที่ส่อความเป็นปฏิปักษ์และการยั่วยุทางการเมือง ซึ่งสุดจะทนได้” และเป็น “เอกสารของการหลอกลวงที่มีการปั่นเพื่อจุดประสงค์ทางการเมืองอย่างหนักที่สุด”

  • ที่มา: รอยเตอร์
XS
SM
MD
LG