MDR-TB เป็นชื่อเรียกวัณโรคที่ดื้อยาทำให้ยาบำบัดวัณโรคแบบมาตรฐานใช้ไม่ได้ผล เชื้อโรครุนแรงกว่าเดิมและอาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ภายในไม่กี่เดือน
ด็อกเตอร์เลสลี่ แชงค์ส ผู้อำนวยการหน่วยงานการแพทย์การกุศล MSF กล่าวว่า ทุกครั้งที่ตรวจหาวัณโรคดื้อยาหลายขนาน จะตรวจพบว่ามีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นอย่างมากจนน่าตกใจ ทำให้เชื่อว่าสถิติผู้ป่วยวัณโรคดื้อยา MDR ที่ยึดถือในปัจจุบัน เป็นตัวเลขแค่ส่วนหนึ่งของสถานการณ์จริง
หน่วยงานการกุศล MSF อยู่ระหว่างการเก็บข้อมูลตัวเลขผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาจากคลีนิคของหน่วยงานที่ตั้งอยู่ทั่วโลก
ด็อกเตอร์แชงค์ส กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าหน่วยงานมีหลักฐานยืนยันเรื่องนี้ทั้งในเอเชีย อาฟริกา และ เอเชียกลาง เธอบอกว่าหน่วยงานพบปัญหาวัณโรคดื้อยาหลายขนานหรือ MDR-TB ในทุกพื้นที่ที่ไปทำงานอยู่
วัณโรคดื้อยาชนิด MDR นอกจากจะพบในหลายๆจุดทั่วโลกแล้ว ยังพบผู้ป่วยโรคนี้ทีละจำนวนมาก
ด็อกเตอร์แชงค์ส กล่าวว่า ในทางเหนือของอุเบกกิสถานในเอเชียกลาง หน่วยงานเริ่มตรวจผู้ป่วยวัณโรคทุกรายว่าป่วยด้วยวัณโรคดื้อยาประเภท MDR หรือไม่ และ มีโอกาสเสี่ยงแค่ไหน ปรากฏว่า สองในสามของผู้ป่วยวัณโรคทั้งหมดของหน่วยงานเป็นวัณโรคชนิดที่ดื้อยา ตัวเลขที่ได้ทำให้หน่วยงานกังวลกับสถาณการณ์เป็นอย่างมาก
ผู้อำนวยการของหน่วยงานการแพทย์การกุศล MSF กล่าวว่า การตรวจวัณโรคทั่วไปอาจตรวจไม่พบวัณโรคสายพันธุ์ดื้อยา เพราะอาการป่วยคล้ายคลึงกัน นี่เป็นสาเหตุให้วัณโรคสายพันธุ์ดื้อยาแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง
ด็อกเตอร์แชงค์ส กล่าวว่า วัณโรคสายพันธุ์ดื้อยาเป็นปัญหาที่สร้างโดยฝีมือมนุษย์ เกิดจากการรักษาไม่ถูกต้อง ผู้ป่วยไปซื้อยาจากร้านขายยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ รับประทานยาไม่ครบตามกำหนด การรักษาไม่สมบูรณ์ บางครั้งพบว่าการดื้อยาเกิดจากแผนการจ่ายยาของแพทย์
ยารักษาวัณโรคที่ใช้กันในปัจจุบัน ค่อนข้างเก่าแก่ พัฒนาขึ้นมาเมื่อหลายสิบปีก่อน ด็อกเตอร์แชงค์ส กล่าวว่า บริษัทผู้ผลิตยาขาดแรงจูงใจที่จะพัฒนายาวัณโรคตัวใหม่ๆ
ผู้เชี่ยวชาญบอกกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่า มีตลาดรองรับยาวัณโรคน้อยมาก ทางหน่วยงานกำลังผลักดันให้มีการสนับสนุนทางการเงินต่อการนำยาใหม่ๆไปทดลองรักษาในคน และได้เรียกร้องให้บริษัทยาเน้นการพัฒนายาวัณโรคตัวใหม่ๆที่รักษาอาการดื้อยาด้วย
ด็อกเตอร์แชงค์ส แห่งหน่วยงานการแพทย์การกุศล กล่าวปิดท้ายรายงานผู้สื่อข่าววีโอเอว่า หากไม่มียาตัวใหม่ๆ การแก้ปัญหาวัณโรคดื้อยาที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ จะทำได้ยากมากขึ้น เธอบอกว่าการแพร่ระบาดของโรคไม่มีขอบเขตชายแดน ประเทศพัฒนาแล้วก็ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงเท่าๆกับประเทศกำลังพัฒนา
ด็อกเตอร์เลสลี่ แชงค์ส ผู้อำนวยการหน่วยงานการแพทย์การกุศล MSF กล่าวว่า ทุกครั้งที่ตรวจหาวัณโรคดื้อยาหลายขนาน จะตรวจพบว่ามีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นอย่างมากจนน่าตกใจ ทำให้เชื่อว่าสถิติผู้ป่วยวัณโรคดื้อยา MDR ที่ยึดถือในปัจจุบัน เป็นตัวเลขแค่ส่วนหนึ่งของสถานการณ์จริง
หน่วยงานการกุศล MSF อยู่ระหว่างการเก็บข้อมูลตัวเลขผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาจากคลีนิคของหน่วยงานที่ตั้งอยู่ทั่วโลก
ด็อกเตอร์แชงค์ส กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าหน่วยงานมีหลักฐานยืนยันเรื่องนี้ทั้งในเอเชีย อาฟริกา และ เอเชียกลาง เธอบอกว่าหน่วยงานพบปัญหาวัณโรคดื้อยาหลายขนานหรือ MDR-TB ในทุกพื้นที่ที่ไปทำงานอยู่
วัณโรคดื้อยาชนิด MDR นอกจากจะพบในหลายๆจุดทั่วโลกแล้ว ยังพบผู้ป่วยโรคนี้ทีละจำนวนมาก
ด็อกเตอร์แชงค์ส กล่าวว่า ในทางเหนือของอุเบกกิสถานในเอเชียกลาง หน่วยงานเริ่มตรวจผู้ป่วยวัณโรคทุกรายว่าป่วยด้วยวัณโรคดื้อยาประเภท MDR หรือไม่ และ มีโอกาสเสี่ยงแค่ไหน ปรากฏว่า สองในสามของผู้ป่วยวัณโรคทั้งหมดของหน่วยงานเป็นวัณโรคชนิดที่ดื้อยา ตัวเลขที่ได้ทำให้หน่วยงานกังวลกับสถาณการณ์เป็นอย่างมาก
ผู้อำนวยการของหน่วยงานการแพทย์การกุศล MSF กล่าวว่า การตรวจวัณโรคทั่วไปอาจตรวจไม่พบวัณโรคสายพันธุ์ดื้อยา เพราะอาการป่วยคล้ายคลึงกัน นี่เป็นสาเหตุให้วัณโรคสายพันธุ์ดื้อยาแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง
ด็อกเตอร์แชงค์ส กล่าวว่า วัณโรคสายพันธุ์ดื้อยาเป็นปัญหาที่สร้างโดยฝีมือมนุษย์ เกิดจากการรักษาไม่ถูกต้อง ผู้ป่วยไปซื้อยาจากร้านขายยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ รับประทานยาไม่ครบตามกำหนด การรักษาไม่สมบูรณ์ บางครั้งพบว่าการดื้อยาเกิดจากแผนการจ่ายยาของแพทย์
ยารักษาวัณโรคที่ใช้กันในปัจจุบัน ค่อนข้างเก่าแก่ พัฒนาขึ้นมาเมื่อหลายสิบปีก่อน ด็อกเตอร์แชงค์ส กล่าวว่า บริษัทผู้ผลิตยาขาดแรงจูงใจที่จะพัฒนายาวัณโรคตัวใหม่ๆ
ผู้เชี่ยวชาญบอกกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่า มีตลาดรองรับยาวัณโรคน้อยมาก ทางหน่วยงานกำลังผลักดันให้มีการสนับสนุนทางการเงินต่อการนำยาใหม่ๆไปทดลองรักษาในคน และได้เรียกร้องให้บริษัทยาเน้นการพัฒนายาวัณโรคตัวใหม่ๆที่รักษาอาการดื้อยาด้วย
ด็อกเตอร์แชงค์ส แห่งหน่วยงานการแพทย์การกุศล กล่าวปิดท้ายรายงานผู้สื่อข่าววีโอเอว่า หากไม่มียาตัวใหม่ๆ การแก้ปัญหาวัณโรคดื้อยาที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ จะทำได้ยากมากขึ้น เธอบอกว่าการแพร่ระบาดของโรคไม่มีขอบเขตชายแดน ประเทศพัฒนาแล้วก็ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงเท่าๆกับประเทศกำลังพัฒนา