ลิ้งค์เชื่อมต่อ

รองรมต.กลาโหมสหรัฐ Ashton Carter รับปากว่าจะสนับสนุนกองทัพเกาหลีใต้รับมือภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ


รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ Ashton Carter กล่าวต่อผู้สื่อข่าวภายหลังหารือกับรัฐมนตรีกลาโหมของเกาหลีใต้ Kim Kwan-jin ในวันจันทร์ว่า การที่เกาหลีเหนือพยายามใช้อาวุธนิวเคลียร์ข่มขู่คุกคามประเทศอื่นนั้น มิได้ช่วยเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่ประเทศอื่นๆในโลกมีต่อโครงการนิวเคลียร์ของเกาลหลีเหนือได้ แต่จะยิ่งทำให้เกาหลีเหนือถูกตำหนิและโดดเดี่ยวจากประชาคมโลกมากยิ่งขึ้น

รองรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐเสริมด้วยว่า กองทัพสหรัฐจะยังคงร่วมมือทางทหารกับกองทัพเกาหลีใต้ และจะเสริมศักยภาพของระบบต่อต้านขีปนาวุธในรัฐอลาสก้าของสหรัฐ แม้ทางรัฐบาลจีนได้เตือนไว้แล้วว่า ขอให้สหรัฐระมัดระวังในการเสริมศักยภาพของระบบป้องกันขีปนาวุธดังกล่าวเพื่อตอบโต้ต่อคำขู่ของเกาหลีเหนือ เพราะในที่สุดแล้วอาจไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด โดยจีนยืนยันว่าหาทางที่ดีที่สุดนั้นคือการเจรจาทางการฑูต

ในขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวของวีโอเอได้ถามรองรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ Ashton Carter ว่าบรรดาเจ้าหน้าที่ทางการทหารระดับสูงของเกาหลีใต้มองการคุกคามครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือว่าเป็นเรื่องที่ควรเตรียมรับมือ หรือคิดว่าเป็นเพียงคำขู่ในเชิงตีฝีปากของเกาหลีเหนือกันแน่ ซึ่งรองรมต. Carter ตอบว่าบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีใต้ต่างประเมินสถานการณ์เหมือนกับทางสหรัฐ โดยพิจารณาจากข่าวกรองเกี่ยวกับท่าทีล่าสุดของเกาหลีเหนือ และเชื่อว่าควรเตรียมการรับมือเหตุการณ์รุนแรงที่อาจเกิดขึ้น

ขณะนี้กองทัพสหรัฐกำลังซ้อมรบร่วมกับกองทัพเกาหลีใต้ในบริเวณที่ไม่ไกลจากชายแดนเกาหลีเหนือ ซึ่งมีทหารสหรัฐและเกาหลีใต้เข้าร่วมหลายหมื่นคน

รองรัฐมนตรี Carter เน้นย้ำด้วยว่ากองทัพเกาหลีใต้จะสามารถใช้ทรัพยากรทางทหารทุกอย่างของสหรัฐภายใต้โครงการป้องกันอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อใช้ตอบโต้ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ และยังได้ยกตัวอย่างการซ้อมรบแบบใช้เครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 บนคาบสมุทรเกาหลีที่จะมีขึ้นในวันอังคารนี้

นอกจากนี้ รองรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐยังรับรองกับประเทศพันธมิตรของสหรัฐในเอเชียว่า มาตรการตัดลดงบประมาณโดยอัตโนมัติหรือ Sequester ที่มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค นั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐในแถบเอเชีย-แปซิฟิกอย่างแน่นอน
XS
SM
MD
LG