ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ชาวปาเลสไตน์แห่อพยพหนีตายพื้นที่รบอิสราเอล-ฮามาสในกาซ่าซิตี้


ภาพของครอบครัวชาวปาเลสไตน์ที่กำลังลี้ภัยออกจากภาคเหนือของฉนวนกาซ่าไปยังทางใต้ เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2566
ภาพของครอบครัวชาวปาเลสไตน์ที่กำลังลี้ภัยออกจากภาคเหนือของฉนวนกาซ่าไปยังทางใต้ เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2566

กองกำลังอิสราเอลเดินหน้าเข้าต่อสู้กับกองกำลังติดอาวุธของฮามาสในพื้นที่กาซ่าซิตี้ ขณะที่ พลเรือนชาวปาเลสไตน์ยังคงอพยพลี้ภัยออกจากบริเวณที่เป็นเป้าหมายปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง

นอกเหนือจากการสู้รบภาคพื้นดินในเมืองใหญ่ที่สุดของฉนวนกาซ่าแล้ว กองกำลังอิสราเอลยังทำการโจมตีทางอากาศเข้าใส่พื้นที่นี้ด้วย

การต่อสู้ที่ดำเนินมากกว่าเดือนนี้ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องกลายเป็นคนไร้ถิ่น โดย U.N. Office for the Coordination of Humanitarian Affairs ระบุว่า มีประชาชนราว 50,000 คนลี้ภัยมาทางใต้ของฉนวนกาซ่าในวันพุธเพียงวันเดียว

ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวถือเป็นระดับสูงที่สุดในสัปดาห์นี้ และยูเอ็นกล่าวว่า มีประชาชนประมาณ 72,000 คนที่อพยพออกจากพื้นที่ตอนเหนือของกาซ่า ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมาแล้ว

อิสราเอลเริ่มเปิดระเบียงอพยพตั้งแต่วันอาทิตย์ ตามเส้นทางถนนสายหลักที่เชื่อมต่อภาคเหนือและภาคใต้ของกาซ่า โดยตัวเส้นทางดังกล่าวเปิดให้มีการอพยพได้วันละ 4 ชั่วโมงเพื่อให้พลเรือนลี้ภัยออกจากจุดศูนย์กลางของการต่อสู้ ขณะที่ กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า จะมีการขยายเวลาเปิดเส้นทางดังกล่าวเพิ่มอีก 1 ชั่วโมงต่อวัน เนื่องจากจำนวนประชาชนที่ใช้เส้นทางนั้นอยู่ในระดับสูงมาก


ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวว่า สถานการณ์ในภาคเหนือของอิสราเอลอยู่ในภาวะที่ย่ำแย่หนักมาก หลังจากไม่มีฝ่ายใดสามารถนำส่งเสบียงคลังความช่วยเหลือถึงได้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และองค์การสหประชาชาติเปิดเผยว่า ข้อมูล ณ วันอังคาร ระบุว่า ไม่มีร้านขนมอบใดเปิดทำการในพื้นนั้น เพราะภาวะขาดแคนพลังงาน น้ำ แป้งสาลี และเพราะความเสียหายจากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นกับพื้นที่ร้าน

กระทรวงสาธารณสุขที่ควบคุมโดยกลุ่มฮามาสในพื้นที่กาซ่ากล่าวว่า การโจมตีของอิสราเอลส่งผลให้มีผู้คนเสียชีวิตกว่า 15,000 คนแล้ว โดย 2 ใน 3 นั้นเป็นเด็กและสตรี อย่างไรก็ดี ยังไม่มีใครสามารถตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวได้ แม้ว่าองค์การสหประชาชาติจะเคยกล่าวว่า ตัวเลขของหน่วยงานนี้เชื่อถือได้มาก่อนก็ตาม

สภาพการณ์อันเลวร้าย

ยูเอ็นออกมาเตือนว่า ขณะนี้สภาพค่ายผู้อพยพทางใต้ของกาซ่าอยู่ในภาวะหนาแน่นเกินพิกัด จน “ไม่สามารถรับผู้อพยพชุดใหม่ได้แล้ว” โดยขณะนี้ ราว 2 ใน 3 ของประชากร 2.3 ล้านคนในกาซ่ากลายมาเป็นผู้พลัดถิ่นแล้ว ตามข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ

องค์การอนามัยโลก (World Health Organization – WHO) เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า ความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของโรคติดต่อในพื้นที่กาซ่ากำลังยกระดับสูงขึ้น หลังศพผู้เสียชีวิตที่ถูกฝังอยู่ใต้อาคารต่าง ๆ เริ่มเน่าสลายแล้ว และระบบด้านสาธารณสุข น้ำและสุขอนามัยได้รับความเสียหายหนักจากสถานการณ์การต่อสู้ที่ดำเนินอยู่ ขณะที่ จำนวนผู้ป่วยด้วยอาการท้องเสียโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว และมีการตรวจพบอาการโรคหิด เหา และโรคผิวหนังอื่น ๆ รวมทั้งการติดเชื้อทางเดินหายใจก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย

  • ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี รอยเตอร์ และเอเอฟพี

กระดานความเห็น

XS
SM
MD
LG