ขณะนี้อินโดนีเซียซึ่งมีประชากรกว่า 200 ล้านคน มีผู้เสียภาษีเพียงราวหนึ่งล้านคนเท่านั้น
และตั้งแต่กลางปีที่แล้วจนถึงปลายเดือนมีนาคมนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียได้เริ่มโครงการ "นิรโทษกรรมภาษี" เพื่อจัดเก็บภาษีจากทรัพย์สินที่คนร่ำรวยนำไปซุกซ่อนไว้ในต่างประเทศ
ซึ่งปรากฏว่าสามารถเรียกเก็บได้ถึงราว 33,000 ล้านดอลลาร์ แม้จะเคยถูกตำหนิจากหลายฝ่ายก็ตาม
อย่างไรก็ตาม คำถามในขณะนี้ก็คือ รัฐบาลอินโดนีเซียจะนำเงินนี้ไปทำอะไร?
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอินโดนีเซีย ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อพิจารณาเรื่องการใช้เงินดังกล่าว และนักเศรษฐศาสตร์ได้ชี้ว่า เงินภาษีที่เก็บได้นี้อาจจะช่วยลดการขาดดุลงบประมาณของอินโดนีเซียได้ถึงราว 70%
กรมสรรพากรของอินโดนีเซียให้ตัวเลขด้วยว่า ในช่วงปีที่แล้วมีผู้เสียภาษีรายใหม่เพิ่มขึ้นถึงสามล้านคน
และนักวิเคราะห์ด้านภาษีของอินโดนีเซียก็ชี้ว่า ประโยชน์สำคัญของโครงการนิรโทษกรรมภาษีนี้ คือผู้มีทรัพย์สินในต่างประเทศซึ่งเข้าร่วมโครงการจะจ่ายภาษีในอัตราเพียงแค่ 2-10% เมื่อเทียบกับอัตรา 30% ซึ่งจัดเก็บจากบริษัทธุรกิจ หรือจากเงินได้ส่วนบุคคล