สองมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในโลกชาวอเมริกัน คือ Bill Gates ผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft และ Warren Buffet เจ้าของบริษัทลงทุนรายใหญ่ของสหรัฐ กำลังอยู่ในกรุงนิวเดลีเพื่อจัดทำโครงการรณรงค์ให้บรรดาเศรษฐีชาวอินเดียหันมาบริจาคเงินเพื่อการกุศลกันมากขึ้น ซึ่งคุณ Warren Buffet บอกว่าแนวคิดนี้เป็นแนวคิดใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่เกิน 2 ปีมานี้ และเป็นแนวคิดนี้ได้รับความชื่นชมไม่น้อย เพราะไม่เพียงแต่เป็นการบริจาคเงินจำนวนมากเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้อย่างชาญฉลาดและช่วยให้เกิดการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความคลางแคลงสงสัยอยู่ว่า แนวคิดของ 2 มหาเศรษฐีชาวอเมริกันที่ว่านี้จะประสบความสำเร็จแค่ไหนในอินเดีย
ปัจจุบันเศรษฐีชาวอินเดียมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นปรากฏการณ์ใหม่ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจเติบโตรวดเร็ว จากการจัดอันดับมหาเศรษฐีโลกของนิตยสาร Forbes เมื่อเร็วๆนี้ชี้ว่า ในอันดับมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก 10 อันดับแรก มี 2 คนเป็นชาวอินเดีย และอินเดียมีเศรษฐีระดับพันล้านมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากสหรัฐและจีนด้วยตัวเลข 55 คน
แต่รายงานของบริษัทที่ปรึกษาระดับโลก Bain and Company ระบุว่าเงินบริจาคจากเศรษฐีชาวอินเดียเหล่านั้นยังมีจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆเช่นสหรัฐและอังกฤษ ยิ่งไปกว่านั้นรายงานพบว่าชนชั้นร่ำรวยในอินเดียมีอัตราการบริจาคเงินเพื่อการกุศลน้อยที่สุด คิดเป็นสัดส่วนเพียง 1.6% ของรายได้ทั้งหมดในครัวเรือน แม้ว่าในความเป็นจริงนั้นประชากรส่วนใหญ่ของอินเดียคือราว 455 ล้านคนมีรายได้ไม่ถึง 40 บาทต่อวัน
ผู้จัดทำรายงานดังกล่าวเชื่อว่าเหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเพราะเศรษฐีอินเดียเหล่านั้นคือเศรษฐีใหม่ จึงยังทำใจได้ยากเมื่อต้องควักเงินบริจาคให้แก่การกุศล แต่เมื่อไม่นานมานี้ มหาเศรษฐีบริษัทซอฟท์แวร์ Aziz Premji สร้างความประหลาดใจให้กับคนอินเดียด้วยการบริจาคเงิน 2 พันล้านดอลล่าร์ให้แก่กองทุนเพื่อการศึกษา จากนั้นเศรษฐีอินเดียอีกหลายคนได้กระทำตามในลักษณะเดียวกัน หลายคนบอกว่าอินเดียนั้นมีวัฒนธรรมเรื่องการให้มานานแล้ว โดยผู้คนมักจะบริจาคเงินหรือสิ่งของให้แก่ผู้ยากไร้หรือชุมชนต่างๆมาโดยตลอด
ถึงกระนั้น ทั้ง Bill Gates และ Warren Buffet ยืนยันว่าโครงการณรงค์ที่เกิดขึ้นนี้จะไม่มีการบังคับแต่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสมัครใจ ใครใคร่บริจาคก็เชิญ ใครไม่อยากก็ไม่ว่ากัน คุณ Warren Buffet กล่าวว่าตนเพียงแต่ต้องการเสนอแนวคิดเรื่องการบริจาคเงินให้รับทราบทั่วกัน ใครเห็นดีด้วยก็เป็นเรื่องเยี่ยม แต่ถ้าไม่ก็ถือว่าได้มารับประทานอาหารค่ำร่วมกันในค่ำคืนนี้
